สธ. ปรับ 5 มาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุข รับมือฝุ่น PM 2.5 เน้นสื่อสารความรู้ ดูแลกลุ่มเสี่ยง จัดอุปกรณ์สนับสนุน พร้อมเชิญชวน “ลดเผา ลดธูป ลดฝุ่น ในช่วงเทศกาลตรุษจีน”
- สำนักสารนิเทศ
- 170 View
- อ่านต่อ
กระทรวงสาธารณสุข เตือนผู้ปกครองระวังเด็กจมน้ำเสียชีวิต ช่วงปิดเทอม ข้อมูลในรอบ 11 ปี ตั้งแต่ 2546-2556 พบเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยวันละเกือบ 4 คน เฉพาะในช่วง 3 เดือนมีนาคม-พฤษภาคม มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตสูงถึง 442 คน จุดที่พบบ่อยคือ แหล่งน้ำธรรมชาติ หนองน้ำ คลองชลประทาน อ่างเก็บน้ำ อ่างอาบน้ำ ย้ำผู้ปกครองอย่าคิดว่าเป็นเรื่องเคราะห์กรรม ต้องช่วยกันป้องกัน อย่าปล่อยเด็กเล่นน้ำตามลำพัง โดยเฉพาะเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปีจะจมน้ำง่ายแม้จะมีน้ำเพียงเล็กน้อยก็ตาม หัวใจสำคัญของการป้องกันคือเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปต้องได้เรียนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด พร้อมเผยผลการประเมินการว่ายน้ำเป็นของเด็กไทย อายุ 5-14 ปี ซึ่งมีกว่า 8 ล้านคนล่าสุดในปี2556 พบว่า มีว่ายน้ำเป็นประมาณ 2 ล้านคน แต่สามารถว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดได้เพียงร้อยละ 4 หรือ 367,704 คน และเด็กที่เรียนหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด จะมีทักษะการเอาชีวิตรอดในน้ำสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้เรียนถึง 21 เท่าตัว แนะหากเดินทางหรือทำกิจกรรมทางน้ำ ต้องสวมเสื้อชูชีพทุกครั้ง
นายแพทย์
นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประชาชนไทยประมาณร้อยละ 42 ยังมองเรื่องการตกน้ำ จมน้ำเสียชีวิตว่าเป็นเรื่องของเคราะห์กรรม ซึ่งข้อเท็จจริงนั้น การตกน้ำ จมน้ำเป็นเรื่องที่ช่วยกันป้องกันได้ ดังนั้น ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก อย่าปล่อยเด็กเล่นน้ำตามลำพัง แม้ว่าจะเป็นแหล่งน้ำใกล้บ้านหรือแหล่งน้ำที่คุ้นเคยก็ตาม
ควรให้ความรู้เด็ก ควรสร้างรั้วล้อมรอบแหล่งน้ำและติดป้ายคำเตือน รวมทั้งการจัดให้มีอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำไว้บริเวณแหล่งน้ำ ส่วนในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ปกครองต้องอย่าปล่อยให้เด็กอยู่ลำพังแม้เสี้ยวนาที ต้องมองเห็น เข้าถึงและคว้าถึงง่าย เพราะเด็กวัยนี้ จมน้ำง่าย เนื่องจากเด็กเล็กยังมีการทรงตัวไม่ดี ยังไม่มีความพร้อมในการป้องกันตนเอง จึงจมน้ำได้ง่าย แม้แหล่งน้ำมีน้ำเพียงเล็กน้อย หรือแม้แต่ในถังหรือกะละมังที่มีน้ำเพียง 1-2 นิ้วก็ตาม ได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด ประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนผู้ปกครองและเตรียมทีมแพทย์ให้การช่วยเหลือ หากพบเห็นผู้จมน้ำสามารถโทรแจ้งขอความช่วยเหลือที่สายด่วน 1669 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านนายแพทย์
นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ทำให้มีผู้จมน้ำเสียชีวิตมาก ส่วนหนึ่งเกิดมาจากการช่วยเหลือผิดวิธี ซึ่งมี 2 ช่วงคือ ขณะอยู่ในน้ำ ซึ่งเด็กๆจะเล่นน้ำเป็นกลุ่ม พอมีเพื่อนจมน้ำก็จะลงน้ำไปช่วยกันเอง โดยไม่มีความรู้ในการช่วยที่ถูกต้อง และอีกช่วงคือการช่วยเด็กหลังนำขึ้นมาจากน้ำแล้ว โดยประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 93 ยังเข้าใจผิด คิดว่าการอุ้มพาดบ่าและกระแทกเอาน้ำออกเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ซึ่งในความจริง เป็นวิธีที่ผิด เนื่องจากจะทำให้ผู้จมน้ำ ขาดอากาศหายใจนานขึ้น ควรรีบเป่าปากและนวดหัวใจ เพื่อให้หายใจได้เร็วที่สุด ถ้าพบว่าหายใจเองได้หรือหายใจเองได้แล้ว ให้จับผู้จมน้ำให้นอนตะแคง ให้ศีรษะหงายไปข้างหลัง เพื่อให้น้ำไหลออกทางปาก และใช้ผ้าห่มคลุมตัวผู้ป่วย เพื่อให้ความอบอุ่น งดน้ำและอาหาร และรีบส่งผู้ที