รัฐบาลไทย เร่งลงทุนสร้างคุณภาพเด็กปฐมวัยไทยอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ที่มีปีละกว่า 6 ล้านคน ให้เติบโต เป็นทรัพยากรมนุษย์รุ่นใหม่ มีสุขภาพกาย-จิตดี มีไอคิว อีคิวสูง เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม จริยธรรม โดยพัฒนาศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลที่มีทั่วประเทศกว่า  46,000 แห่ง ให้เป็นสถานที่ปลอดโรค มีคุณภาพมาตรฐาน ทั้งด้านโภชนาการ พัฒนาการ วิชาการ ตั้งเป้าดำเนินการครบ 100  เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2563

              บ่ายวันนี้ (26 สิงหาคม 2556) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารจากกระทรวงต่างๆ ร่วมเปิดตัวโครงการรณรงค์ “การป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลคุณภาพ – ปลอดโรค ปี 2556” ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองบางบัวทอง (วัดบางไผ่) ต.บางรักพัฒนา อ. บางบัวทอง จ. นนทบุรี
 
                 
  นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายดูแลประชาชนชาวไทยตลอดช่วงชีวิต ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เด็กปฐมวัย วัยเรียน วัยทำงาน และวัยสูงอายุ  โดยในกลุ่มเด็กปฐมวัยอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่มีปีละประมาณ 6 ล้านคน เป็นช่วงวัยที่สำคัญที่สุดของการเจริญเติบโตและพัฒนาการทุกๆ ด้าน ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เป็นจุดเริ่มต้นของการวางรากฐานคุณภาพชีวิต จิตใจ ของบุคคลเมื่อเป็นผู้ใหญ่ ให้เป็นทรัพยากรที่มีค่าของประเทศ เป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศสืบไป จึงมีนโยบายเร่งยกระดับคุณภาพชีวิตเด็กกลุ่มนี้ ให้ได้รับการพัฒนาครอบคลุม ครบทุกด้านทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ คุณธรรม จริยธรรม อย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง เปรียบเสมือนเป็นการลงทุน เพื่ออนาคตของประเทศ
                     
 
           การดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว รัฐบาลจะเร่งยกมาตรฐานศูนย์เด็กเล็กที่มีประมาณ 20,000 แห่ง และโรงเรียนอนุบาลทั่วประเทศที่มีประมาณ  26,000 แห่ง  รวม  46,000 แห่ง เป็นสถานที่ปลอดโรคติดต่อ มีความปลอดภัยต่อเด็ก เด็กได้รับการดูแลเลี้ยงดูตามหลักวิชาการ ทั้งเรื่องโภชนาการ ความสะอาด พัฒนาการสติปัญญา อารมณ์สังคม สร้างความมั่นใจให้ผู้ปกครอง ในการนำบุตรหลานเข้ามาสู่ระบบศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาล เตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่ระบบการศึกษาสมบูรณ์แบบ โดยได้ให้  3 กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ ทำงานบูรณาการกันอย่างต่อเนื่อง
 
          ด้านนายแพทย์ประดิษฐ  สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การพัฒนาศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลต่างๆ ให้ปลอดโรคและน่าอยู่ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นมาก เนื่องจากถือเป็นบ้านหลังที่  2 ของเด็ก และเด็กใช้ชีวิตช่วงกลางวันร่วมกัน หากเด็กคนใดคนหนึ่งเจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อ เช่น โรคไข้หวัด โรคมือ เท้า ปาก โรคอุจจาระร่วง เป็นต้น จะติดกันง่ายและรวดเร็ว ทำให้เด็กต้องหยุดเรียน และอาจมีผลต่อการเจริญเติบโตร่างกายและสมองได้ ในการพัฒนาครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้บูรณาการงาน  3 กรม ได้แก่ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย และกรมสุขภาพจิต เพื่อดูแลเด็ก ทั้งเรื่องความสะอาดสถานที่ โภชนาการ  เครื่องเล่นเด็กที่กระตุ้นพัฒนาเด็ก การป้องกันโรค โดยเน้น 5 โรคที่พบบ่อยในเด็กเล็ก ได้แก่ ไข้หวัดซึ่งเด็กป่วยบ่อยที่สุด
                                                 
            ในเขตเมืองพบเฉลี่ยคนละ 5-8  ครั้งต่อปี ในเขตชนบทเฉลี่ยละ  3-5 ครั้งต่อปี รองลงมาคือ โรคมือเท้าปาก โรคสุกใส โรคตาแดง และโรคอุจจาระร่วง โดยอบรมครูพี่เลี้ยงและจัดทำคู่มือการดูแลเด็กเบื้องต้น ในปี 2556 นี้ ดำเนินการในศูนย์เด็กเล็กครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว จะเริ่มดำเนินการในโรงเรียนอนุบาลต่อไป ตั้งเป้าครบ 100 เปอร์เซ็นต์ภายในพ.ศ. 2563      
 
          ทางด้านนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  จากการติดตามและประเมินผลโครงการศูนย์เด็กเล็กปลอดโรค ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา  พบว่าได้ผลดี ส่งผลให้การระบาดของโรคไข้หวัดลดลงจากร้อยละ  25 เหลือเพียงร้อยละ 9 และยังสามารถตรวจจับสัญญาณของโรคระบาดและควบคุมไม่ให้โรคแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ โครงการฯ ยังเป็นการปลูกฝังและวางรากฐานเรื่องการดูแลสุขภาพอนามัยที่ดีและถูกต้อง แก่เด็กตั้งแต่เยาว์วัยติดตัวไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ทั้งนี้ ในการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลปลอดโรค จะเน้นยุทธศาสตร์ 3 ดี  คือ 1.ครูและพี่เลี้ยงเด็กมีสุขภาพดี และความรู้ดี  2.มีระบบริหารจัดการดี  และ3.สภาพแวดล้อมในศูนย์เด็กเล็ก/โรงเรียนอนุบาลดี สะอาด ทุกแห่งต้องมีระบบการตรวจคัดกรองเฝ้าระวังเด็กป่วย เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อสู่เด็กปกติ ส่วนเด็กจะต้องมีสุขภาพดี มีพฤติกรรมสุขภาพถูกต้อง เช่นล้างมือก่อนรับประทานอาหาร และล้างหลังใช้ห้องน้ำห้องส้วม เป็นต้น หากทุกแห่งผ่านการประเมินขั้นต้น จะได้รับการรับรองให้เป็นศูนย์เด็กเล็กหรือโรงเรียนอนุบาลปลอดโรค 
 
              อนึ่งในวันนี้ ได้มีการลงนามประกาศเจตนารมย์การดำเนินงานศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลคุณภาพ-ปลอดโรค ภายในปี 2563 ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งมอบโล่ประกาศเกียรติคุณและเชิดชูศูนย์เด็กเล็กที่มีการดำเนินงานดีเด่นจากทั่วประเทศ จำนวน 20  แห่ง ประกอบด้วยสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) 10 แห่ง และสังกัดกัดเทศบาลเมืองและเทศบาลตำบล  10 แห่งด้วย
******************************** 26 สิงหาคม 2556


   
   


View 13    26/08/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ