“สมศักดิ์” ยกระดับหมอนวดไทยเชี่ยวชาญพิเศษ 7 กลุ่มอาการ เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย หนุนเศรษฐกิจสุขภาพ
- สำนักสารนิเทศ
- 455 View
- อ่านต่อ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เชิญชวนชาวไทยใช้ฤกษ์วันวิสาขบูชา เริ่มฝึกการทำสมาธิ ชี้ผลดีช่วยคลายเครียด คลายวิตกกังวล เกิดความคิดสร้างสรรค์ ป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังที่มีสาเหตุจากความเครียดเช่นโรคความดันโลหิตสูง และหากเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังอยู่แล้ว เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ผลจากการทำสมาธิจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาของแพทย์ดีขึ้น
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันวิสาขบูชา ซึ่ง เป็นวันพระใหญ่ ชาวไทยทุกคนนอกจากจะไปทำบุญตักบาตร อิ่มอกอิ่มใจแล้ว ในวันนี้ขอเชิญชวนประชาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ใช้โอกาสวันสำคัญนี้ เริ่มต้นฝึกทำสมาธิ (Meditation) ซึ่งเป็นเทคนิคของการผ่อนคลายความเครียด เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ว่ามีผลดีต่อสุขภาพ กำลังได้รับความนิยมจากชาวตะวันตก ผลการศึกษาวิจัย ให้ผลตรงกันว่า การทำสมาธิ จะช่วยให้คลื่นสมองที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ทำงานเป็นระเบียบขึ้นและหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ช่วยให้ร่างกายสดชื่น จิตใจสงบ มองโลกในแง่ดี ไม่ฟุ้งซ่าน ลดความเครียด เป็นคนมีเหตุผล และมีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะเป็นผลดีทั้งต่อการงานและการเรียน
นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า เมื่อจิตใจของคนเราสงบ ไม่เครียดแล้ว จะสามารถป้องกันการเกิดโรคทางกายที่มีสาเหตุจากความเครียดทางอารมณ์ได้เช่นกัน โดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่คนไทยป่วยกันมากในขณะนี้คือเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคกระเพาะอาหาร รวมทั้งมะเร็งด้วย เนื่องจากอวัยวะต่างๆในร่างกาย ไม่ทำงานหนักหรือทำงานผิดปกติ ขณะนี้ในต่างประเทศได้นำสมาธิมาใช้ในในโรงพยาบาล ดูแลกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยที่อยู่ระยะสุดท้ายของชีวิต รวมทั้งผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันโรคลดลง เพื่อช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล ผลการศึกษาพบว่าการทำสมาธิทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีบางอย่างในร่างกาย และเกิดการผ่อนคลาย ทำให้ความดันโลหิตลดลง และชีพจรเต้นช้าลง เชื่อว่าหากคนไทยหันมาทำสมาธิกันมากขึ้นและปฏิบัติเป็นการประจำ เราจะสามารถเอาชนะโรคเครียด ซึ่งเป็นโรคที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงทั่วโลกขึ้นในปี 2563 ได้ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อรังของไทย ที่ต้องกินยาควบคุมอาการ ได้ผลดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสนับสนุนให้โรงพยาบาลในสังกัดทุกระดับทั่วประเทศ ใช้เสียงตามสาย ประชาสัมพันธ์วิธีการฝึกสมาธิขั้นพื้นฐานง่ายๆ ให้แก่ผู้ป่วยและญาติ เพื่อรู้จักวิธีการทำสมาธิระหว่างรอรับบริการ ซึ่งใช้เวลาไม่มาก
ทางด้านนายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกล่าวว่า หลักของการทำสมาธิ คือการเอาใจไปจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจใช้การนับลมหายใจเข้าออกเป็นหลักก็ได้ ขณะปฏิบัติ ให้ยุติการคิดเรื่องอื่นๆอย่างสิ้นเชิง การฝึกทำสมาธิ ควรทำต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน เริ่มจากวันละ 5 นาที และค่อยๆเพิ่มขึ้นในวันต่อๆไป หากปฏิบัติเป็นประจำ จะทำให้จิตใจเบิกบาน อารมณ์เย็น สมองแจ่มใส หายเครียด ควรฝึกเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะก่อนนอน จะช่วยให้นอนหลับได้ดี ไม่มีฝันร้ายด้วย
****************************** 24 พฤษภาคม 2556