![](https://pr.moph.go.th/assets/uploads/news/2566/default.png)
กระทรวงสาธารณสุข เผยเด็กไทยอายุ 0-18 ปี ป่วยเป็นโรคออทิสติกเกือบ 2 แสนคน แนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากในรอบ 10 ปี เร่งจัดระบบบริการแก้
วันนี้ (2 เมษายน 2556) ที่โรงแรมทีเค พาเลซ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม.นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่ าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดงานรณรงค์วันออทิสติกโลก (World Autism Awareness Day) และการประชุมเชิงปฏิบัติ การ การจัดทำแนวทางการดูแลบุคคลออทิ สติกแบบบูรณาการ เนื่องด้วยสหประชาชาติประกาศให้ วันที่ 2 เมษายนของทุกปีเป็นวันออทิสติ กโลก ในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสุขภาพจิต โรงพยาบาลยุวประสารทไวทโยปถัมภ์ ร่วมกับสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิ ซึม (ไทย)จัดงาน “ภาคีร่วมใจ เปิดโลกต่างใบ เข้าใจออทิสติก”รณรงค์ให้ประชาชนและสังคมได้รู้ จักเข้าใจภาวะออทิสติกมากขึ้น และจัดระบบการดูแลค้นหาเด็กที่ มีภาวะเสี่ยงให้เข้าสู่ ระบบการดูแลรักษาได้เร็วขึ้น และพัฒนาศักยภาพจนสามารถใช้ชีวิ ตอยู่ในสังคม เรียนหนังสือและประกอบอาชีพได้
นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า โรคออทิสติก ไม่ใช่โรคปัญญาอ่อน แต่เป็ นโรคที่มีความผิดปกติของพั ฒนาการทางสมองที่ล้าช้า 3 ด้านคือด้านสังคม ภาษาและพฤติกรรม พบตั้งแต่กำเนิด สังเกตพบได้ก่อนเด็กอายุ 3 ขวบ จากการติดตามสภาพปั ญหาในระยะ 10 ปีมานี้ พบว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นอย่ างมากทั่วโลก เป็นปัญหาเร่งด่วนของพัฒนาการล่ าช้าของเด็กที่ต้องเร่งแก้ไข ผ ลสำรวจระบาดวิทยาของโรคนี้อย่ างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อปี 2547 พบความชุกร้อยละ 0.1 ในเด็กอายุ 0-5 ปี ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทั่วโลกพบความชุ กโรคออทิสติกเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในสหรัฐอเมริกาปี 2553 พบความชุก 1 ต่อ 88 ซึ่งคาดว่ามีเด็กไทยอายุ 0-18 ปี มีอาการออทิสติกประมาณ 188,860 คน พบได้ทั้งคนจนและคนรวย แต่ปัญหาที่ผ่านมาพบว่า เด็กที่ป่วยเข้าถึงบริการได้น้ อยมากประมาณร้อยละ 15 เนื่องจากลักษณะเด็กกลุ่มนี ้ มีหน้าตาน่ารักเหมือนเด็กปกติทั ่วไป ไม่มีลักษณะหน้าตาที่เป็นเอกลั กษณ์พิเศษ แต่สื่อสารไม่ได้ ป ระชาชนจึงเข้าใจว่าเป็นปัญญาอ่ อนและเลี้ยงดูกันเอง ไม่ได้พาไปพบแพทย์ ทั้งๆที่ โรคนี้รักษาได้ และปัจจุบันมี เด็กออทิสติกที่ประสบผลสำเร็จ เป็นแพทย์ วิศวกร และมีอยู่ในเกือบทุกวิชาชีพ
นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ในกา รแก้ไขปัญหาดังกล่าวในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายจัดบริ การใกล้บ้านที่สุด โดยตั้งคลิ นิกส่งเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ กที่มีปัญหาพัฒนาการล่าช้ าและเด็กออทิสติกในโรงพยาบาลชุ มชน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทุกจังหวัดรวม 833 แห่ง โดยให้สถานบริ การในสังกัดทุกระดับทั่ วประเทศที่มีประมาณ 10,583 แห่ง ตั้งแต่โรงพยาบาลศูนย์ ลงไปจนถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุ ขภาพตำบล เพิ่มการตรวจคั ดกรองหาภาวะออทิสติกในคลินิกสุ ขภาพเด็กดี (Well child clinic) ซึ่งให้บริการฉีดวัคซี นและติดตามพัฒนาการเด็กหลั งคลอดทุกคนจนถึงอายุ 5 ปี โดยให้ตรวจเมื่อเด็กอายุ 1 ขวบครึ่งขึ้นไป เนื่องจากหากตรวจพบตั้งแต่ช่วง 2 ขวบปีแรก จะทำให้ผลการรักษาดีมาก แม้ไม่หายขาดแต่เด็กจะมีพั ฒนาการด้านต่างๆดีขึ้น ช่วยเหลือตนเองได้ เข้าโรงเรียนได้ตามวัย ตั้งเป้าให้ครอบคลุมเด็กที่มีปั ญหาอย่างน้อยร้อยละ 70
ทางด้านนายแพทย์วชิระ เพ็งจั นทร์ อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวว่า โรคออทิสติกเป็น 1ใน 4 ของโรคทางจิตเวชในเด็กที่ กรมฯมีนโยบายเพิ่มการเข้าถึงบริ การฯ มักพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง 4 เท่า เด็กกลุ่มนี้จะต้องได้ รับบริการคัดกรองหาความผิดปกติ และบำบัดรักษา กระตุ้นพัฒนาการ และการปรับพฤติกรรม อย่างมีมาตรฐาน ซึ่งเด็กออทิสติกมีความผิดปกติ ทางภาษาและสังคม จะแตกต่างกันที่ไอคิว(IQ) โดยพ บว่าร้อยละ 40 มีไอคิวปกติใช้ชีวิตเหมื อนเด็กปกติในจำนวนนี้ร้อยละ 10 เป็นอัจฉริยะในบางด้าน เช่น การวาดภาพ หรือเล่นดนตรี อีกร้อยละ 20 มีไอคิวต่ำระดับน้อยถึ งปานกลาง (50-69) เด็กกลุ่มนี้สามารถเรียนร่ วมและฝึกอาชีพได้ อาจมีปัญหาพฤติกรรมร่วมด้วย ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 40 มีไอคิวต่ำกว่า 50 เป็นเด็กที่ชอบแสดงอาการก้ าวร้าวแบบรุนแรง ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง
ผู้ปกครองสามารถสั งเกตพบอาการออทิสติกได้ก่อนที่ เด็กจะมีอายุ 3 ปี หรือเริ่มสังเกตอาการได้ชั ดเจนเมื่ออายุประมาณ 1 ปีครึ่งขึ้นไป อาการหลักๆ คือพัฒนาการช้าใน 3 ด้านเช่น 1.ด้านสังคม เด็กจะไม่ยอมสบตา ไม่ชอบมองหน้าคนอื่น ไม่สนใจมองตามเมื่อเราเรียกชื่อ ไม่สนใจผู้อื่น ไม่ชี้นิ้วสั่ งหรือบอกเมื่อต้องการของที่ อยากได้ 2.ด้านภาษาเช่น เริ่มพูดได้ช้ากว่าเด็กปกติ หรือพูดได้แต่ไม่เป็นภาษา ฟังไม่รู้เรื่อง ชอบพูดคำเดิมๆซ้ำๆทั้งวัน และ3.ด้านพฤติกรรมเช่น ชอบอยู่ในโลกส่วนตัว มีพฤติ กรรมซ้ำๆที่ไม่เหมาะสม ชอบมองวัตถุที่หมุนตลอดเวลาเช่น พัดลมหรือของเล่นที่หมุนๆ หากเด็กมีอาการที่กล่าวมา ขอให้รีบพาไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้ าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน
นายแพทย์วชิระกล่าวต่อว่า สำหร ับในการตรวจคัดกรองค้นหาเด็กนั้ น กรมสุขภาพจิตได้พั ฒนาแบบตรวจมาตรฐาน ในเด็กอายุ 1-4 ปี เป็นแบบคำถาม 10 ข้อ แจกไปยังสถานบริการสาธารณสุขทุ กแห่ง และจัดอบรมแพทย์ เจ้าหน้าที่พยาบาลทั่วประเทศ หากตรวจพบภาวะเสี่ยง คือตอบตรงกับคำตอบในชุดคั ดกรองตั้งแต่ 5 ข้อขึ้นไป จะส่งเข้ารับการบำบัดรักษา ส่งเสริมพัฒนาการ ปรับแก้พฤติ กรรม และการบำบัดรักษาด้วยยา ซึ่งจะเพิ่ มความสามารถทางภาษาและสติปั ญญาได้ และให้ผลในการรักษาระยะยาวดีขึ้ น โดยต้องประเมินเด็กเป็นระยะๆ และวางแผนรักษาดูแลที่เหมาะสม ร่วมกับครู บุคลากรทางการแพทย์ และพ่อแม่ผู้ปกครอง เพื่อดูแลอย่างเหมาะสมตลอดชีวิ ต
เมษายน/6-7 ************************ 2 เมษายน 2556
View 8
02/04/2556
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ