รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2556 นี้ เร็วขึ้น คือในเดือนพฤษภาคม 2556 โดยจะฉีดให้ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงทุกคน ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังประจำตัว และบุคลากรทางการแพทย์ ย้ำสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ขณะนี้อยู่ในฤดูกาลระบาด แต่มาเร็วกว่าปกติ 

          นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลว่า ในปีนี้ได้สั่งวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เร็วขึ้น เพื่อเตรียม พร้อมฉีดและจะติดตามสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในอเมริกาใน 1-2เดือนนี้ ว่ามียังมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด หากประเมินสถานการณ์แล้วว่ามีแนวโน้มเข้าสู่ฤดูกาลระบาดเร็วขึ้น ก็จะเริ่มฉีดเร็วขึ้นคือตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เนื่องจากโรคนี้ในประเทศไทยจะระบาดในช่วงหน้าฝน และเพิ่งดำเนินการฉีดให้ประชาชนกว่า 3ล้านคน เสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนมิถุนายน-ตุลาคม ที่ผ่านมานี้ ทำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงดังกล่าวมีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคส่วนหนึ่ง สำหรับแผนการฉีดวัคซีนในปีนี้ เพื่อรับการระบาดดังกล่าว ได้มอบนโยบายให้พิจารณาเร่งฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้น และครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรงมากที่สุด โดยจะฉีดให้ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงให้ครบมากที่สุด ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60ปีขึ้นไป   เด็กอายุ 6เดือน-2 ปี   หญิงตั้งครรภ์   ผู้ป่วยโรคเรื้อรังประจำตัว และบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย   โดยปกติการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะฉีดห่างกันอย่างน้อย 6เดือน         
ทางด้าน นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการติดตามประเมินสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ที่สหรัฐอเมริกา ขณะนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้มีการประกาศใดๆเพิ่มเติม เนื่องจากไข้หวัดใหญ่ที่ที่เกิดในประเทศสหรัฐอเมริกาขณะนี้จัดเป็นการระบาดตามฤดูกาล แต่การระบาดเร็วขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุขไทย ได้ให้กรมควบคุมโรคติดตามสถานการณ์ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา และขณะนี้ได้เตรียมพร้อมการรับสถานการณ์ทั้งการเตรียมวัคซีนฉีดป้องกัน และยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ เพื่อรักษาแล้ว ส่วนมาตรการป้องกันด้านอื่นๆ โดยเฉพาะการปฏิบัติตัวเมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ การใช้หน้ากากอนามัย และการป้องกันการติดเชื้อตามมาตรการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือฟอกสบู่บ่อยหลังสัมผัสสิ่งของต่างๆ ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในการป้องกันโรคระบาด โดยปฏิบัติตนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และหากมีอาการไข้เจ็บคอน้ำมูก 2วันไม่ดีขึ้นหรือมีอาการหอบเหนื่อยให้รีบปรึกษาแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายด่วน 1422กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 
************************************    15 มกราคม 2556


   
   


View 14    16/01/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ