รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ขยายมาตรการพัฒนาไอคิว อีคิวเด็กไทย ลงสู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ คลินิกสุขภาพเด็กดีในโรงพยาบาลทุกแห่ง สอนพ่อแม่ในการอบรมเลี้ยงดูและกระตุ้นเด็ก ผลสำรวจล่าสุดในปี 2554  เด็กไทยมีไอคิวเฉลี่ย 98 จุด มั่นใจอีก 4 ปีคือ พ.ศ. 2559 ไอคิวเด็กไทยจะเท่าสากล มีอีคิวสูงขึ้น   


 นายแพทย์ชลน่าน  ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ให้สัมภาษณ์ว่า  จากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญ  ในการพัฒนาเด็กไทย ให้มีความฉลาดทางสติปัญญาหรือไอคิว (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์หรืออีคิว (EQ) เพิ่มมากขึ้นในระดับที่ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากล ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการพัฒนาสติปัญญาเด็กไทยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา โดยพัฒนาองค์ความรู้พื้นฐาน เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาสติปัญญาเด็กไทย 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเด็ก แรกเกิด – 5 ปี กลุ่มวัยเรียน 6 – 11 ปี และกลุ่มวัยรุ่น 12 – 18 ปี  พัฒนาพื้นที่ต้นแบบเพื่อการพัฒนาสติปัญญาเด็กไทย พัฒนาระบบข้อมูล ขยายผลลงสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 


 ผลการสำรวจไอคิวนักเรียนไทยทั่วประเทศ ในปี 2554 พบเด็กไทยมีไอคิวเฉลี่ย 98.59 จุด  ต่ำกว่าค่ากลางมาตรฐานสากลยุคปัจจุบันคือ 100 จุด  โดยในเขตกรุงเทพมหานคร มีระดับไอคิวเฉลี่ยสูงสุด 104.5  จุดรองลงมาคือภาคกลาง 101.29 จุด  ภาคเหนือ 100.11 จุด  ภาคใต้ 96.85 จุด  และภาคอีสานน้อยที่สุดคือ 95.99   จุด ในปี 2556 นี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายส่งเสริมให้เด็กมีไอคิวสูงขึ้น  โดยเน้นพื้นที่ดำเนินงาน  3  จุด คือที่คลินิกเด็กสุขภาพดีโรงพยาบาลทั่วประเทศ    และ2.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่มีประมาณ 20,000 แห่งทั่วประเทศ  และ 3.สอนพ่อแม่มีความรู้ มีทักษะในการอบรมเลี้ยงดูเด็ก เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวติดต่อกัน 6 เดือน  ซึ่งจะทำให้พ่อแม่ร่วมดูแลเสริมสร้างไอคิวลูก สามารถสังเกต เฝ้าระวังความผิดปกติ มีพัฒนาการล่าช้าของลูก และเร่งแก้ไขให้มีการพัฒนาอย่างเต็มที่  โดยในปี  2559 กระทรวงสาธารณสุขจะทำการสำรวจไอคิวเด็กไทยอีกครั้ง มั่นใจว่าไอคิวของเด็กไทยจะเข้าสู่มาตรฐานสากลคือ 100 จุด  


 ทางด้านนายแพทย์วิชระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต  กล่าวว่า ในเรื่องของการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์หรืออีคิว ผลสำรวจของกระทรวงสาธารณสุขล่าสุดในปี 2554 พบเด็กนักเรียนไทยอายุ 6-11 ปี ค่าคะแนนอีคิวเฉลี่ยพื้นฐานระดับประเทศอยู่ที่ 45.12 ซึ่งระดับต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ   โดยมีเด็กที่มีค่าเฉลี่ยคะแนนอีคิวพื้นฐานอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 50 ขึ้นไปมีเพียงร้อยละ 28  โดยมีเด็กที่มีคะแนนต่ำกว่าปกติ จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาร้อยละ 80 เพื่อให้ครบองค์ประกอบ 3 ด้านคือ ดี เก่ง สุข  ประเด็นที่น่าเป็นห่วง และพบว่ามีคะแนนต่ำที่สุดคือ มุ่งมั่นพยายามและกล้าแสดงออก อย่างละร้อยละ 43    และรื่นเริงเบิกบาน ร้อยละ45 


 นายแพทย์วชิระกล่าวต่อว่า  เมื่อนำผลรวมของคะแนนอีคิว ที่ได้มาจากการประเมินของครูฉบับเดียวกันในปี ปี 2545 และปี 2550  พบว่า คะแนนดิบอีคิวของเด็กไทยมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ   ในปี 2554  อยู่ที่ 170   ซึ่งต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับปี  2550 ซึ่งได้ 180  และในปี  2545 ได้ 186   และมีค่าคะแนนอีคิวทั้งองค์ประกอบด้านดี เก่ง สุข และด้านย่อยทุกด้านนั้นปี 2554 ต่ำสุดเช่นกัน  ดังนั้นในปี 2556  กรมสุขภาพจิต จึงเร่งเสริมสร้างความมุ่งมั่นพยายามให้กับเด็กทั้ง 3 กลุ่มวัยคือ เด็กปฐมวัย  เด็กวัยเรียน และวัยรุ่น ที่อยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก  โรงเรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา  เพื่อนำเด็กไทยก้าวสู่ประชาคมอาเซียน คาดหวังว่าอีคิวเด็กไทยจะดีขึ้นเมื่อสำรวจอีกครั้งในปี 2559 

******************    12 มกราคม 2556



   
   


View 11    12/01/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ