“สมศักดิ์” ประชุมผู้บริหาร สธ.นัดแรกปี 68 จัดเต็มของขวัญวันเด็ก-วันผู้สูงอายุ เพิ่มเข้าถึงการรักษาขั้นสูง ปลื้มมีคนนับคาร์บแล้ว 11.8 ล้านคน เดินหน้าให้ได้ 50 ล้านคน ภายในปี 2568
- สำนักสารนิเทศ
- 332 View
- อ่านต่อ
วันนี้ (29 ธันวาคม 2555) นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงเทศกาลฉลองวันขึ้นปีใหม่ แต่ละครัวเรือนมักจะจัดงานเลี้ยงและมีการประดับตกแต่งด้วยหลอดไฟกระพริบสีต่างๆ และที่พบเห็นได้ทั่วไปคือ ใช้ปลั๊กไฟกระพริบหลายๆ อัน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ประกอบอาหารฉลอง เช่น กระทะไฟฟ้า หม้อสุกี้ เสียบเต้ารับตัวเดียวกัน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากไฟฟ้าช็อตหรือไฟดูด จากข้อมูลการบาดเจ็บรุนแรงจากการถูกไฟฟ้าดูดของโรงพยาบาลเครือข่ายเฝ้าระวังการบาดเจ็บระดับชาติ 33 แห่งทั่วประเทศ ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ในรอบ 4 ปีตั้งแต่พ.ศ.2550-2554 พบว่าจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากการถูกไฟฟ้าดูดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในปี 2554 มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากไฟฟ้าดูด 1,173 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 120 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 10 ประมาณร้อยละ 80 เป็นชาย
ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟฟ้าดูดมีตั้งแต่อายุ 1 ขวบถึง 90 ปี กลุ่มอายุที่มีการบาดเจ็บสูงสุดคือต่ำกว่า 25 ปีคิดเป็นร้อยละ 12 รองลงมาคืออายุ 25-29 ปีร้อยละ 11 อาชีพที่ได้รับบาดเจ็บสูงสุดคือผู้ใช้แรงงานร้อยละ 49 รองลงมาคือกลุ่มนักเรียนนักศึกษาร้อยละ 10 นอกจากนี้ ยังมีการบาดเจ็บที่เกิดจากการทำงานร้อยละ 36 วันที่เกิดเหตุมากที่สุดคือวันเสาร์ร้อยละ 16 รองลงมาคือวันศุกร์ร้อยละ 15 สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างพบว่า ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากไฟฟ้าดูดร้อยละ 4 ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย ผู้ที่บาดเจ็บจากการถูกไฟฟ้าดูด ส่วนใหญ่จะมีอาการช็อก หมดสติ คิดเป็นร้อยละ 45 อวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดคือมือและข้อมือร้อยละ 35 รองลงมาคือศีรษะและคอร้อยละ 16
นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า ในการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูด ขอให้หมั่นตรวจเช็คสภาพอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและสายไฟอย่างสม่ำเสมอ หากชำรุดต้องส่งซ่อมแซมหรือตามช่างไฟฟ้าทันที ไม่เสียบปลั๊กไฟหลายอันหรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดในเต้ารับตัวเดียวกัน เพราะจะทำให้เต้ารับจ่ายกระแสไฟมากเกินไปและเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ ไม่เดินสายไฟในบริเวณที่เปียกชื้น บ้านที่มีเด็กเล็กควรติดตั้งสายไฟให้สูงกว่าพื้นไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร หากอยู่ในระดับต่ำกว่านี้ให้ใช้ที่ครอบปลั๊กไฟ หรือเลือกใช้ปลั๊กที่มีช่องแบบหมุน เพื่อป้องกันเด็กเอานิ้วมือแหย่ปลั๊กไฟ ไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปียกน้ำ และห้ามจับเครื่องใช้ไฟฟ้าในขณะที่ตัวเปียกชื้น
ด้านนายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้พื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัดเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ดังนั้นหากมีน้ำท่วมในบ้านให้รีบตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าทันที และงดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดในขณะน้ำท่วม หากเครื่องใช้ไฟฟ้าถูกน้ำท่วมควรงดใช้งานจนกว่าจะได้รับการตรวจสภาพก่อน ตรวจสอบสวิทซ์ไฟฟ้าว่ามีน้ำเข้าหรือฝนสาดหรือไม่ หากเปียกน้ำห้ามใช้งานหรือแตะต้อง และหากตัวเปียกหรือยืนอยู่บนพื้นที่เปียกชื้น อย่าแตะต้องสวิทซ์ไฟอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียบปลั๊กไว้อย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ กรณีที่พบคนถูกไฟฟ้าดูด ผู้ที่จะเข้าไปช่วยเหลือจะต้องมีสติและไม่ประมาท ร่างกายของผู้ที่จะเข้าไปช่วยต้องแห้งสนิทและสวมรองเท้า ยืนในที่แห้ง ห้ามใช้มือจับหรือดึงร่างกายของผู้ถูกไฟดูดอย่างเด็ดขาด ต้องรีบสับคัตเอาท์หรือเต้าเสียบปลั๊กไฟ เพื่อตัดกระแสไฟฟ้าก่อนที่จะเข้าไปช่วยเหลือ หากไม่สามารถสับสะพานไฟได้ การช่วยเหลืออย่างถูกวิธีคือต้องไม่สัมผัสร่างกายผู้ที่ถูกไฟดูดโดยตรง ควรใช้ไม้หรืออุปกรณ์ที่เป็นฉนวนกันไฟฟ้าเช่น ยาง ไฟเบอร์ หรือพลาสติก เขี่ยสายไฟหรืออุปกรณ์ที่เป็นต้นเหตุออกจากร่างกายของผู้ถูกไฟดูด จากนั้นใช้ผ้าแห้งหรือเชือกแห้งคล้องร่างกายผู้ถูกไฟดูดแล้วดึงผู้ป่วยออกจากที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด และให้การปฐมพยาบาล หากหยุดหายใจให้เป่าปากเพื่อช่วยหายใจ หากคลำชีพจรไม่ได้ให้นวดหัวใจ และรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที หรือโทรขอความช่วยเหลือที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉินโรงพยาบาล หมายเลข 1669
************************* 29 ธันวาคม 2555