รมว.สธ.คนใหม่เป็นประธานประชุมบอร์ดสปสช.ครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง ที่ประชุมบอร์ดพิจารณาเพิ่มกลุ่มบัญชียาใหม่เข้าบัญชียา จ (2) หรือยาจำเป็นราคาแพงเพิ่มอีก 7 รายการ ในชุดสิทธิประโยชน์ 30 บาทรักษาทุกโรค ขณะที่ผลการต่อรองราคายาในปี  55 สามารถประหยัดงบประมาณการจัดหายาและเวชภัณฑ์กว่า 8,000 ล้านบาท

             เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2555 ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่อง   ผลงานการบริหารยาและเวชภัณฑ์ในระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปี 2555 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลมุ่งให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นหลักโดยเฉพาะทางด้านการดูแลสุขภาพประชาชนภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และในปัจจุบันเป็น 30 บาทรักษาทุกโรคยุคใหม่ โดยให้ความสำคัญกับเรื่อง การใช้ยา กล่าวคือ มียาดีใช้เพียงพอ ให้ประชาชนทุกสิทธิได้รับยาดีที่จำเป็น เหมาะสมกับความเจ็บป่วย ทั้งยารักษาโรคทั่วไป และยาที่มีราคาสูง โดยจัดหายาที่มีคุณภาพ ปริมาณเพียงพอกับผู้มีสิทธิ ที่ผ่านมาสปสช.ได้มีการต่อรองราคายาเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาจำเป็นในกลุ่มยา 10 กลุ่ม คือ    1.กลุ่มยาจำเป็นราคาแพงในบัญชียา    จ (2)    2. กลุ่มยาต้านไวรัสเอชไอวี    3. กลุ่มยาต้านวัณโรค 4. กลุ่มยาวัคซีนอีพีไอ หรือวัคซีนในกลุ่มสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค 5. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล 6. วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า    7.ยาจิตเวช   8 .ยาโคลพิโดเกรลสำหรับรักษากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 9.ยาดีเฟอริโพรนหรือยาขับเหล็ก และ 10. กลุ่มยากำพร้า
 
                ซึ่งจากการต่อรองราคายาในปี 2555 ประหยัดงบประมาณในการจัดหายาได้ถึง 5,770 ล้านบาท เมื่อรวมกับการต่อรองราคาเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาอีก 2,400 ล้านบาท ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณรวมทั้งสิ้น 8,170 ล้านบาทนอกจากนี้แล้ว ในที่ประชุมได้มีการพิจารณาข้อเสนอของมติคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2555 วันที่ 7 กันยายน 2555 ที่ได้มีการเสนอรายการยาใหม่ที่เข้าบัญชียา จ(2) เพื่อเสนอเป็นชุดสิทธิประโยชน์ให้กับผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ใน ยา 7   รายการ ดังนี้ 1.ยา สำหรับรักษาภาวะโรคไขกระดูกฝ่อระยะรุนแรง (severe aplitic anemia) 2. ยาสำหรับรักษาโรคเกาเซอร์ ( Gaucher syndrome) ซึ่งเป็นโรคที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม (พบผู้ป่วยน้อยรายแต่เป็นโรคที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงมาก) 3.ยาต้านจุลชีพ สำหรับรักษาเชื้อดื้อยา MRSA (Methicillin- resistant Staphylococcus aureus) 4. ยาต้านไวรัสเอชไอวีสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาการแพ้ยาต้านไวรัสเอชไอวีที่มีอยู่เดิม 5. ยามะเร็งสำหรับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น 6.กลุ่มยาต้านพิษโดยเฉพาะพิษงูรวมที่มีผลต่อระบบประสาท และ ระบบเลือด และ 7. ยากำพร้า ที่ใช้รักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งเดิมไม่มีบริษัทใดนำยาเข้ามาขายในประเทศ         
 
                ด้านนพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสปสช. กล่าวว่า จากการบริหารจัดการยาในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือ 30 บาทรักษาทุกโรคนั้น พบว่าผู้ป่วยเข้าถึงยามากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มยาราคาแพง เช่น ยา เลทโทรโซล (letrozole)สำหรับโรคมะเร็งเต้านม, ยา โด แท็กเซล (Docetaxel)สำหรับโรคมะเร็งปอดระยะลุกลาม และมะเร็งต่อมลูกหมาก, ยา โบทูลินั่ม ท๊อกซิน ชนิด เอ ( Botulinum toxin type A ) สำหรับโรคคอบิดและ ใบหน้ากระตุกครึ่งซีกชนิดไม่ทราบสาหตุ, ยา ไอวีไอจี( IVIG)    มีหลายข้อบ่งใช้ เช่น โรคคาวาซากิ ซึ่งเป็นโรคที่มีอันตรายถึงชีวิต (life-threatening) และไม่ตอบสนองต่อการรักษาต่อยาอื่น เป็นต้น, ยา ลิวโพรรีลิน  (Leuprorelin) ใช้รักษาอาการเจริญพันธุ์ก่อนวัยในเด็ก), ยาเวอทิพอร์ฟิน (Verteporfin) สำหรับโรคจอประสาทตาเสื่อม และยาไลโปโซมอล แอมโฟเทอริซิน บี (Liposomal amphotericin B) สำหรับการติดเชื้อราที่รุนแรง ซึ่งในปี 2552 มีผู้ป่วยในกลุ่มนี้เข้าถึงยาเพียง 845 ราย เมื่อมีการบริหารจัดการยาขึ้นตั้งแต่ปี 2553 ส่งผลให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับกล่าวคือ ปี 2553 มีผู้ป่วยเข้าถึงยา 3,299 ราย ปี 2554 มีผู้ป่วยเข้าถึงยา 5,563 ราย และปี 2555 มีผู้ป่วยเข้าถึงยา 4,874 ราย รวมมีผู้ป่วยเข้าถึงยา 14,581 ราย          
 
               ทั้งนี้ สถานการณ์ค่าใช้จ่ายด้านยาในประเทศไทยพบว่า ในปี 2538 มีอัตราการเติบโตของค่ายาร้อยละ 30 ของค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข ล่าสุดในปี 2550 พบว่า ค่าใช้จ่ายด้านยามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 45 หรือราว 1.7 แสนล้านบาท ของรายจ่ายด้านสุขภาพเป็นค่าใช้จ่ายด้านยา ซึ่งมีมูลค่าที่สูงเนื่องจากเกิดจากสาเหตุเกิดจากการใช้ยาเกินความจำเป็นหรือการใช้ยาที่มีราคาแพง
                
                                                                                                       ************* 5  พฤศจิกายน  2555


   
   


View 11    06/11/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ