วันนี้ (26 ตุลาคม 2555) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กทม. นายแพทย์นิทัศน์ รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมชี้แจงแนวการดำเนินงานบูรณาการ 3 กองทุนสุขภาพในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์แก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขตพื้นที่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานปลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานประกันสังคม กรมบัญชีกลาง สมาคมเอดส์แห่งประเทศไทย ศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณสุข เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์ จำนวนกว่า 200 คน เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นแนวทางเดียวกัน เกิดความราบรื่น และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยที่มารับบริการ

                 นายแพทย์นิทัศน์กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการบูรณาการระบบหลักประกันสุขภาพทั้ง 3 กองทุน ได้แก่ สวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม และหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือ30 บาทรักษาทุกโรค เพื่อให้คนไทยได้รับการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ มาตรฐานเดียวกัน เมื่อมีการเปลี่ยนสิทธิ์ก็ยังคงได้รับการรักษาเหมือนเดิม โดยเริ่มจากการดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินที่มีอาการวิกฤต ให้สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลรัฐหรือเอกชนที่อยู่ใกล้เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย และได้ประกาศเพิ่มอีก 2 โรค คือไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายและเอดส์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นมา ซึ่งโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับการดำเนินการทั้งด้านบริการ บุคลากร และนำระบบสารสนเทศมาใช้ในการลงทะเบียนผู้ป่วย ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเกือบ 1 เดือนพบว่าราบรื่นดี มีผู้โทรสอบถามสายด่วน สปสช. 1330 เพียง 3 ครั้ง ในจำนวนนี้เป็นผู้ให้บริการ 2 ครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องขั้นตอนการปฏิบัติในการรับยาต้านไวรัสของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และประกันสังคม และจากประชาชน 1 ครั้ง สอบถามกรณีผู้ป่วยรับยาต้านไวรัสที่รพ.แห่งหนึ่ง ยาหมดขณะไปทำธุระต่างจังหวัดจะรับยาได้ที่ใด ทั้งนี้ หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายให้บริการยาต้านไวรัสเอดส์ตั้งแต่พ.ศ.2545 เป็นต้นมา พบว่าจำนวนการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ลดลงมาก จากในปี 2545 จำนวน 7,959 ราย เหลือเพียง 409 รายในปี 2554 หรือลดลง 19 เท่าตัว    

              ด้านดร.นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการคาดประมาณตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์ล่าสุดในปี 2555 คาดว่ามียอดสะสม 1,157,589 ราย ในจำนวนนี้ยังมีชีวิต 464,414 ราย โดยผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ที่รับยาต้านไวรัสทั้ง 3 กองทุน มีทั้งสิ้น 225,272 คน ประกอบด้วยสิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค 148,357 คน ประกันสังคม 46,114 คน สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ 12,059 คน และสิทธิอื่นๆ 18,742 คน โดยได้ปรับสิทธิประโยชน์หลัก 2 เรื่อง คือ 1.ด้านการรักษาพยาบาล ให้ทุกสิทธิใช้ยาตามบัญชียาหลักแห่งชาติ ยกเว้นกรณีสิทธิข้าราชการที่เคยได้รับยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติอยู่แล้วให้รับยาเดิมต่อเนื่อง โดยผู้ป่วยสิทธิประกันสังคมและประกันสุขภาพถ้วนหน้าไม่ต้องชำระเงินค่ายา ส่วนข้าราชการให้ใช้วิธีการจ่ายตรงจากกรมบัญชีกลาง ซึ่งได้ปรับเกณฑ์ในการเริ่มให้ยาต้านไวรัสที่ระดับซีดีโฟร์ (CD4) น้อยกว่าหรือเท่ากับ 350 เซลล์ต่อลบ.มม. เพื่อลดการเสียชีวิตจากการติดเชื้อฉวยโอกาส ให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และ2.ด้านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ บริการตรวจเลือดในผู้ที่เริ่มรับยาแล้วสามารถตรวจพื้นฐาน เช่น น้ำตาล โคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ปีละ 1-2 ครั้ง ตรวจหาระดับซีดีโฟร์ หาค่าจำนวนไวรัส (Viral Load) เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาที่มีคุณภาพมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง

                                                                                                 ******************************  26 ตุลาคม 2555



   
   


View 11    26/10/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ