รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ 5 แสนโด๊สให้ประชาชนพื้นที่เสี่ยงในจังหวัดเลยทุกคน เผยขณะนี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขดำเนินการควบคุมการระบาดได้ และให้สำรองยารักษาโรคคอตีบ 1,500 ขวดในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปทั่วประเทศ ส่วนสถานการณ์ทั่วประเทศในปี 2555 มีรายงานผู้ป่วยรวม 75 ราย เสียชีวิต 3 รายใน 5 จังหวัด คือ เลย เพชรบูรณ์ ปัตตานี หนองบัวลำภู และยะลา แนะประชาชนออกกำลังกายสม่ำเสมอ หากมีอาการไอ มีไข้ เจ็บคอ นานกว่า 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน

          วันนี้ (25 ตุลาคม 2555) ที่โรงพยาบาลวังสะพุง จังหวัดเลย นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วิวรรธน์ ก่อวิริยะกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมราชการที่จังหวัดเลย เพื่อรับฟังสถานการณ์โรคคอตีบหรือโรคดิพทีเรีย (Diphtheria)ที่โรงพยาบาลวังสะพุง จากนั้นเดินทางตรวจเยี่ยมโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เลย อ.วังสะพุง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเฉลิมพระเกียรติหนองหิน อ.หนองหิน จ.เลย พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงานสาธารณสุข แก่แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน หรือ อสม.  
          นายแพทย์สุรวิทย์กล่าวว่า โรคคอตีบเป็นโรคติดต่อโดยเชื้อโรคอยู่ในน้ำมูกน้ำลายผู้ป่วย การติดเชื้อมักเป็นที่ลำคอหรือจมูก ประเทศไทยดำเนินการควบคุมได้ ไม่เป็นปัญหาติดต่อกันมาแล้วกว่า 10 ปี เนื่องจากมีความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนป้องกันอยู่ในระดับสูง แต่อย่างไรก็ตาม ในบางพื้นที่อาจมีปัญหาในการเข้าถึงวัคซีน เช่น พื้นที่ทุรกันดาร ภูเขา พื้นที่มีปัญหาความไม่สงบ ประกอบกับปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงาน โดยเฉพาะในพื้นที่ตะเข็บชายแดน จึงทำให้มีความเสี่ยงโรคหวนกลับมาระบาดได้อีก จากการรับฟังสถานการณ์โรคคอตีบในพื้นที่จังหวัดเลย ขณะนี้สามารถควบคุมการระบาดได้แล้ว ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ปี 2555 ทั่วประเทศมีรายงานผู้ป่วย 75 ราย เสียชีวิต 3 รายใน 5 จังหวัด ได้แก่ เลย เพชรบูรณ์ ปัตตานี หนองบัวลำภู และยะลา โดยพบผู้ป่วยที่ จ.เลยจำนวน 27 รายใน 4 อำเภอคือด่านซ้าย วังสะพุง ภูหลวง และผาขาว มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นผู้ใหญ่ จากการสอบสวนผู้เสียชีวิต พบว่าเป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ                     มีโรคประจำตัวและดื่มสุราเป็นประจำ ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง
           ในการควบคุมโรคที่จังหวัดเลย ขณะนี้ได้จัดส่งวัคซีนป้องกันโรคคอตีบจำนวน 500,000 โด๊ส ฉีดให้ประชาชนทั่วไปที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีทั้งคนไทยและต่างด้าวทุกคน และฉีดให้ทุกคนใน 3 อำเภอที่พบผู้ป่วย ได้แก่ อำเภอเมือง วังสะพุง และด่านซ้าย เป็นการฉีดปูพรมเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคใหม่ทั้งหมด เข็มแรกจะฉีดให้ครบภายในพฤศจิกายน 2555 ฉีดคนละ 1-3 เข็ม ฉีดเข็มที่ 2 ภายใน 1 เดือน และเข็มที่ 3 ภายใน 6 เดือน และเน้นการค้นหาผู้ป่วยรายใหม่ เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษา โดยได้ตรวจคัดกรองนักเรียนที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เลย อำเภอ วังสะพุง จังหวัดเลย ซึ่งเป็นโรงเรียนกินนอนประจำ มีนักเรียนประมาณ 700 คน ตรวจพบว่ามีเชื้อแต่ยังใม่ปรากฎอาการป่วยจำนวน 3 ราย รอผลตรวจอีก 10 ราย ได้แยกเด็กออกจากเด็กทั่วไป และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยร่วมกับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น ดำเนินการเฝ้าระวังและควบคุมโรค กำชับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม. ในพื้นที่ ออกประชาสัมพันธ์ให้ความรู้
ประชาชนในการป้องกันโรคดังกล่าว โดยเฉพาะการมีสุขอนามัยที่ดี ล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้ภาชนะเช่นแก้วน้ำ ช้อนรับประทานอาหารร่วมกัน ผู้ป่วยเวลาไอจามให้ใช้กระดาษทิชชูปิดปากและจมูกหรือใส่หน้ากากอนามัย พักรักษาตัวจนกว่าจะหาย ผู้ป่วย ผู้สัมผัสโรคต้องรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ การแพร่กระจายโรค รวมถึงการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อสารพิษคอตีบเพื่อลดความรุนแรงของโรคและบรรเทาการระบาดของโรค
           นายแพทย์สุรวิทย์กล่าวต่อว่า มาตรการในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคอตีบ กระทรวงสาธารณสุขได้ จัดส่งยารักษาผู้ป่วยโรคนี้โดยเฉพาะ (Diphtheria antitoxin)ในโรงพยาบาลศูนย์ทุกแห่งและโรงพยาบาลทั่วไป จำนวน 1,500 ขวด รองรับผู้ป่วยประมาณ 150 ราย   และสำรองไว้ที่ส่วนกลางคือที่องค์การเภสัชกรรม ศูนย์พิษวิทยาของโรงพยาบาลรามาธิบดี และ ที่กรมควบคุมโรคอีก 2,000 ขวด นอกจากนี้ยังได้สำรองวัคซีนป้องกันโรคคอตีบสำหรับเด็กและผู้ใหญ่จำนวน 5,000,000 ล้านโด๊ส เพื่อใช้ในการควบคุมโรคหากมีการระบาดอีก โดยจะฉีดได้ 2,500,000 คน 
          ด้านนายแพทย์วิวรรธน์ ก่อวิริยะกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย กล่าวว่า ในการป้องกันโรคคอตีบขอให้ประชาชนพาลูกหลานไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบให้ครบตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และให้รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ กินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ใช้ช้อนกลาง ตักอาหาร ไม่ใช้แก้วน้ำหรือหลอดดูดน้ำร่วมกัน ควรล้างมือก่อนปรุงหรือก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ หากมีอาการไอ มีไข้เจ็บคอ 1-2 วัน ควรพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หรือที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. ใกล้บ้าน   โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยได้รณรงค์ความสะอาดในแหล่งที่มีผู้คนอยู่รวมกันมาก เช่นศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน   
********************************************   25 ตุลาคม 2555
 


   
   


View 14    25/10/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ