รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชื่นชมโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ จ.หนองคาย แม้เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็กแต่คุณภาพคับแก้ว มีชื่อเสียงโด่งดังผ่าตัดนิ่วถุงน้ำดีผ่านกล้องวีดิทัศน์มากที่สุดในประเทศ ชาวลาวข้ามโขงมาใช้บริการปีละกว่า 600 ราย ในอนาคต 3-5 ปี จะยกให้เป็นโรงพยาบาลทั่วไป เป็นศูนย์เชี่ยวชาญรักษาโรคกระดูกและข้อประจำชายแดน

             วันนี้ (5 ตุลาคม 2555) นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่พร้อมด้วยนายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขและคณะ ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานสาธารณสุข แก่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลหนองคาย อ.เมือง และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ว่า รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายดูแลสุขภาพของประชาชนที่อยู่ตามแนวบริเวณชายแดนซึ่งมีทั้งหมด 30 จังหวัดให้มีสุขภาพดี ปราศจากโรค  และหากเจ็บป่วยจะได้รับการรักษาที่ดี มีคุณภาพ มาตรฐานเท่าเทียมกันทุกคน โดยมีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการควบคุมป้องกันโรค รวมทั้งอาหารและยาที่ไม่ปลอดภัยตามแนวชายแดนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง     

          นายแพทย์สุรวิทย์กล่าวต่อว่า จากการตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง พบว่ามีความก้าวหน้าในการพัฒนาหลายเรื่อง  โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากร และเทคโนโลยีในการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างทันสมัยควบคู่กันไป สร้างความสะดวกให้ประชาชนตามแนวชายแดนได้รักษาใกล้บ้าน อย่างเช่นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 150 เตียง อยู่ติดชายแดน ที่พัฒนาระบบบริการ  ความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคเรียกว่า คุณภาพคับแก้ว  โดยมีแพทย์เฉพาะทางครบสาขาหลัก ได้แก่ ศัลยแพทย์ อายุรแพทย์ กุมารแพทย์  และสูตินรีแพทย์ มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้านการผ่าตัด โดยเฉพาะการผ่าตัดรักษาโรคนิ่วถุงน้ำดี นิ่วทางเดินปัสสาวะ ที่ทันสมัยโดยผ่านทางกล้องวีดิทัศน์มากที่สุดในประเทศไทย ปีละ 500-600 ราย บาดแผลเล็กมากผู้ป่วยกลับบ้านได้เร็ว

             “ในอนาคตภายใน 3-5 ปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีแผนที่จะพัฒนาโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ ให้เป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาด 200 เตียง เป็นศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น โรคกระดูกและข้อ ศูนย์ผ่าตัดนิ่วซึ่งเป็นปัญหาของคนอีสาน ทั้งนี้เพื่อรองรับการเข้าเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558  และเป็นศูนย์รับส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลชุมชนในจังหวัด และจังหวัดใกล้เคียง โดยจะให้เป็นต้นแบบกับพื้นที่อื่นๆ” นายแพทย์สุรวิทย์กล่าว

          นายแพทย์สุรวิทย์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สามารถทำการรักษาผ่าตัดโรคนิ่วทางเดินปัสสาวะหรือนิ่วไตปีละ 700 ราย และการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า ข้อสะโพก ประมาณ 100 ราย ผ่าตัดกระดูกสันหลังปีละ 300 ราย โดยสามารถนัดและทำการผ่าตัดได้ภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์ ถือว่าเร็วมากหากเทียบกับโรงพยาบาลอื่นๆ บางแห่งต้องรอคิวนานถึง 2 ปี

        ผลจากการพัฒนาที่กล่าวมา ทำให้โรงพยาบาลฯมีชื่อเสียง และเป็นที่นิยมศรัทธาของประชาชนจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  เดินทางเข้ามารักษาโรคทั่วไปปีละ 5,000-6,000 รายต่อปี และเข้ามาผ่าตัดนิ่วถุงน้ำดีปีละกว่า 600 ราย ค่ารักษาพยาบาลเท่าคนไทย  ถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชน 3-10 เท่าตัว สร้างรายได้เข้าประเทศ สามารถนำเงินมาพัฒนาโรงพยาบาลได้อย่างต่อเนื่อง

********************************** 5 ตุลาคม 2555



   
   


View 12    05/10/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ