รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศรณรงค์ให้คนไทยหันมาใช้ส้วมห้อยขา แทนใช้ส้วมนั่งยอง ปลดทุกข์ ตั้งเป้าครบ 100 เปอร์เซ็นต์ทุกบ้านในปี 2558 ส่วนในสถานที่สาธารณะจะเริ่มเปลี่ยนที่ปั๊มน้ำมันและสถานบริการสาธารณสุขก่อน เพื่ออนามัยผู้สูงวัย ตั้งเป้าให้ได้ร้อยละ 90 ภายในปี 2558  ชี้มีผลดีป้องกันและชะลอการเสื่อมข้อเข่าได้เผยขณะนี้พบคนไทยป่วยโรคข้อเสื่อมกว่า 6 ล้านคน มีทั้งคนวัยหนุ่มสาว และผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เหตุสำคัญเกิดจากการใช้ส้วมนั่งยองเป็นเวลานานอ้วนโรคนี้หากเป็นแล้วรักษาไม่หาย

             วันนี้ (4 ตุลาคม 2555) ที่กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย พลเอก นพ.ชูศักดิ์ สุวรรณศิริกุล ที่ปรึกษามูลนิธิโรคข้อในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี นายณรงค์ วัฒนสฤษต์  ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมสถานีบริการ บริษัท ปตท.จำกัด มหาชนและนายพิทยา ไพบูลย์ ผู้จัดการส่วนขายภายในประเทศ บริษัทสยามซานิทารีแวร์ จำกัด ร่วมกันแถลงข่าว “โครงการปลดทุกข์ด้วยรอยยิ้ม โถห้อยขาเสริมสุขผู้สูงวัย” พร้อมรับมอบโถส้วมห้อยขาจากมูลนิธิเอสซีจีจำนวน 840 โถ มูลค่า 1.3 ล้านบาทเพื่อมอบให้ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยโรคข้อเข้าเสื่อม เป็นต้น  
             นายแพทย์สุรวิทย์กล่าวว่าในปีนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมมือกับกระทรวงพลังงานมูลนิธิโรคข้อในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีมูลนิธิเอสซีจี และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดทำโครงการปลดทุกข์ด้วยรอยยิ้มโถห้อยขาเสริมสุขผู้สูงวัยเพื่อรณรงค์ให้คนไทยใช้ส้วมชนิดเป็นโถนั่งหรือเรียกว่าส้วมห้อยขา ซึ่งถูกสุขลักษณะไม่ก่อผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว แทนการใช้ส้วมนั่งยองซึ่งขณะนี้มีใช้ในบ้านเรือนมากถึงร้อยละ 86 หรือประมาณ 17 ล้านหลังคาเรือนเนื่องจากพบว่าการใช้ส้วมนั่งยองมีผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้ผิวข้อเข่าเสียดสีกันมากเพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งโรคนี้เป็นแล้วทุกข์ทรมาน รักษาไม่หายขาดลุกนั่งเดินลำบากตั้งเป้ารณรงค์และส่งเสริมให้มีส้วมแบบโถห้อยขาใช้ในบ้านและในสถานที่สาธารณะโดยตั้งเป้าให้บ้านเรือนใช้ส้วมชนิดนี้ ให้ได้ร้อยละ 50 ในปี 2556 และครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2558  
              ส่วนสถานที่สาธารณะให้มีร้อยละ 90 ภายในปี 2558  โดยในปีแรกมีเป้าหมายพัฒนาส้วมสาธารณะในสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้ความร่วมมืออย่างดี 6 แห่ง ได้แก่ ปตท. เชลล์ บางจาก เอสโซ่ คาลเท็กซ์ และปีโตรนาสและที่โรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้ป่วยใช้บริการเพื่อขานรับวันอนามัยโลกประจำปี 2555 ซึ่งให้ความสำคัญในการพิทักษ์ผู้สูงอายุให้มีสุขภาพดี และมีอายุยืนทั้งนี้ในการรณรงค์ดังกล่าว จะเน้นหลายเรื่องร่วมกันทั้งการให้ความรู้ประชาชนเรื่องการลดน้ำหนักตัว  การบริหารข้อเข่าการนั่งบนเก้าอี้ที่สูงระดับเข่า เพื่อลดปัญหาป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมและขอความร่วมมือจากผู้ผลิตโถส้วมให้จำหน่ายในราคาพิเศษต่ำกว่าท้องตลาดหรือในราคาต้นทุน เพื่อให้ประชาชนทุกฐานะสามารถซื้อหาไปใช้ได้ 
                    ทั้งนี้ส้วมนั่งห้อยขาจะมีความปลอดภัยกว่าส้วมนั่งยอง ลุกนั่งสบาย เหมาะกับประชาชนทุกวัยโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้ไทยมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 7.5 ล้านคนคิดเป็นร้อยละ 11.3 ของประชากรทั้งประเทศ และในพ.ศ.2568หรืออีก 13 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 14.5 ล้านคน หรือร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุส่วนใหญ่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย   โรคที่พบมากคือโรคข้อเข่าเสื่อม  ล่าสุดข้อมูลจากมูลนิธิโรคข้อพบคนไทยเป็นโรคข้อเสื่อมมากกว่า 6 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และพบในคนอายุ 45-50 ปีได้เช่นกันโดยสาเหตุที่ทำให้คนไทยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม เนื่องจากภาวะอ้วน การนั่งยองๆการนั่งพับเพียบ หรือได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า เป็นต้น           
              จากการสำรวจพฤติกรรมการขับถ่ายของคนไทยในปี 2553 พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ใช้เวลาในการนั่งส้วม ประมาณ 5-10 นาทีการใช้ส้วมนั่งยองติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี จะทำให้ข้อเข่าเสื่อมสภาพเรื่อยๆและจะชัดเจนเมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากการนั่งยองๆ ทำให้ผิวข้อเข่าเสียดสีกันมากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงขาถูกกดทับเลือดไปเลี้ยงขาได้ไม่ดีโดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูงจะมีอันตรายสูงอาจทำให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยงได้โดยโรคข้อเข่าเสื่อมในปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้มีเพียงทำให้อาการทุเลาลงได้ด้วยให้กินยาแก้ปวดหรือการผ่าตัดถือว่าเป็นการรักษาที่ปลายเหตุโดยเสียค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดครั้งละประมาณ 85,000 – 150,000 บาท ต่อราย
******************************     4 ตุลาคม 2555


   
   


View 11    05/10/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ