กระทรวงสาธารณสุข เริ่มโครงการไข่ใหม่แลกยาเก่าในพื้นที่ 50 เขต กทม. ให้ประชาชนนำยาแผนปัจจุบันที่เป็นยาเม็ดหรือแคปซูลที่ไม่ได้ใช้แล้ว มาคืนที่ 33 จุดรับคืนในโรงพยาบาลและสถาบันในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในกทม.ทั้ง 10 แห่ง และชุมชน ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยจัดทีมเภสัชกร พยาบาล เจ้าหน้าที่ ให้ความรู้การใช้ยาที่ถูกต้อง เก็บยาเป็น เริ่ม 23 - 27 กรกฎาคม 2555 เวลา 10.00 น.-18.00 น.

          บ่ายวันนี้ (23 กรกฎาคม 2555) นายวิทยา  บุรณศิริ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข  นายแพทย์นิทัศน์ รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และแพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดโครงการรณรงค์ ไข่ใหม่แลกยาเก่า ที่โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อรณรงค์ให้ความรู้เรื่องการใช้ยาที่ถูกต้องแก่ประชาชนในพื้นที่กทม. ดำเนินการระหว่างวันที่ 23-27 กรกฎาคม 2555 ระหว่างเวลา 10.00 น.-18.00 น.

          นายวิทยากล่าวว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำโครงการไข่ใหม่แลกยาเก่าในส่วนภูมิภาคซึ่งมีประชาชนประมาณ 70 ล้านคน เมื่อวันที่ 2-6 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่าประสบความสำเร็จ ได้รับคืนยาเก่าที่ไม่ได้ใช้แล้วกว่า 37 ล้านเม็ด และทราบสาเหตุที่มียาเหลือ ส่วนใหญ่เกิดจากประชาชนใจร้อน อยากหายป่วยเร็วๆ กินยาได้ 1-2 วันไม่หายก็เปลี่ยนหมอใหม่ตามที่เพื่อนบ้านหรือคนรู้จักแนะนำ และใช้ยาตัวใหม่โดยไม่รู้ว่าเป็นยาชนิดเดียวกัน และเก็บยาไว้หลายที่จนลืม

นายวิทยากล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ขยายโครงการในพื้นที่กทม. ซึ่งเป็นสังคมเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย มีประชากรหนาแน่นประมาณ 7 ล้านคน เพื่อจะได้รู้สาเหตุที่แท้จริงในการใช้ยาของคนเมือง รวมทั้งสิทธิ์การรักษา เพื่อนำไปเป็นข้อมูลวางแผนแก้ไขปัญหาการใช้ยาของคนในเขตเมืองได้อย่างถูกจุด ปรับเปลี่ยนสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้ยาอย่างถูกต้อง เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ โดยเปิดจุดรับแลกยาคืนที่โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์และกรมสุขภาพจิตที่อยู่ในพื้นที่กทม.ทั้ง 10 แห่ง รวมทั้งหมด 33 จุด กระจาย 50 เขตในกทม. ทั้งในโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และชุมชนต่างๆ ดำเนินการพร้อมกันระหว่างวันที่ 23-27 กรกฎาคม 2555 เวลา 10.00 น.-18.00 น.

          ด้านนายแพทย์ไพจิตร์  วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้ คือต้องการให้ประชาชนมีความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องการใช้ยา โดยที่จุดรับคืนยาเก่าจะมอบไข่ให้ประชาชนที่นำยาเก่ามาคืนครอบครัวละไม่ต่ำกว่า 5 ฟอง โดยจัดทีมเภสัชกร พยาบาล และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลต่างๆ พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ยา พร้อมแจกแผ่นพับให้ความรู้ ซึ่งเบื้องต้นจัดทำจำนวน 100,000 แผ่น แนะนำวิธีการเก็บยา การอ่านฉลากก่อนใช้ยา อันตรายจากการไม่ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง และลักษณะยาหมดอายุ เพื่อให้ประชาชนใช้ยาได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการใช้ยาซึ่งมีมูลค่าสูงถึงปีละ 1.5 แสนล้านบาทหรือเกือบครึ่งหนึ่งของรายจ่ายด้านสุขภาพ ยาที่รับคืนจะรับเฉพาะยาแผนปัจจุบันที่เป็นยาเม็ดหรือยาแคปซูลที่ไม่ได้ใช้แล้ว ไม่รวมยาน้ำ ครีม และยาแผนโบราณ  โดยนำยาเก่าทั้งหมดรวบรวมที่กรมการแพทย์ เพื่อทำลายทิ้งต่อไป

         ด้านนายแพทย์นิทัศน์  รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องที่สำคัญของการใช้ยา คือต้องกินยาตามแพทย์สั่ง โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะที่รักษาโรคติดเชื้อ จะต้องกินจนครบตามจำนวนที่แพทย์สั่ง  เพื่อป้องกันเชื้อโรคดื้อยา ซึ่งจะทำให้ต้องใช้ยาที่แรงขึ้น ราคาแพงขึ้น ส่วนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคจิต หากกินยาไม่ต่อเนื่องอาจเกิดอาการกำเริบหรือเกิดโรคแทรกซ้อนตามมา เป็นอันตรายถึงชีวิตหรือพิการได้ ในการเก็บรักษายา ควรเก็บไว้ในขวด แผง หรือซองตามที่ได้รับมา เก็บให้พ้นมือเด็ก ไม่ถูกแสง ความร้อน และความชื้น ไม่เก็บไว้ในรถยนต์ เพราะความร้อนจะทำให้ยาเสื่อมสภาพเร็ว ยาที่ต้องเก็บไว้ในตู้เย็นให้ใส่ในช่องธรรมดา ไม่ใส่ช่องแช่แข็ง และต้องตรวจดูยาที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพ ยาที่ไม่มีฉลากหรือฉลากลบเลือนไม่ชัดเจนให้เก็บทิ้ง 

วิธีการสังเกตยาหมดอายุง่ายๆ  หากเป็นยาเม็ด เม็ดยาจะแตก ร่อน กะเทาะ เปลี่ยนสี สีซีด ตกกระ ยาเม็ดเคลือบเยิ้ม เหนียว  ยาแคปซูลบวม โป่งพอง ผงยาภายในจับกันเป็นก้อนหรือเปลี่ยนสี  หากเป็นยาน้ำเชื่อม น้ำยาจะขุ่น มีตะกอน เปลี่ยนสี มีกลิ่นบูดหรือเหม็นเปรี้ยว ส่วนยาที่เป็นครีมหรือยาขี้ผึ้ง จะมีการแยกตัว แข็งเกินไป บีบไม่ออก สีของยาเปลี่ยน หรือมีจุดด่างดำเกิดขึ้น นอกจากนี้ ให้ดูฉลากยา ซึ่งจะระบุวันผลิตและวันที่ยาหมดอายุ หากไม่มีวันหมดอายุ ดูได้จากวันผลิต ถ้าเป็นยาเม็ดมีอายุไม่เกิน 5 ปี ยาน้ำและยาใช้ภายนอก มีอายุไม่เกิน 3 ปีนับจากวันผลิต

ทั้งนี้ จุดบริการที่เปิดรับแลกคืนยาในครั้งนี้ มีทั้งหมด 33 จุด ได้แก่ 1.โรงพยาบาลราชวิถี 2.สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 3.กรมสารวัตรทหาร 4.โรงพยาบาลเลิดสิน 5.วัดยางสุขุมวิท 6.โรงงานวาโก้ถนนพระราม 3 7.โรงพยาบาลสงฆ์ 8.วัดเทพลีลารามคำแหง 9.วัดพรมวงศาราม (ดินแดง) 10.สถาบันประสาทวิทยา 11.ชุมชนบ้านครัว เขตราชเทวี 12.ชุมชนย่านถนนสุโขทัย 13.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ 14.ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 3 15.ห้างเซ็นทรัลพระราม 9 16.สถาบันโรคผิวหนัง 17.ชุมชนทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ 18.ชุมชนศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา 19.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี 20.ชุมชนวัดมะกอก เขตพญาไท 21.ชุมชนประชาระบือธรรม เขตดุสิต 22.สถาบันราชานุกูล 23.ศูนย์ 3 วัยสานสายใยรักแห่งครอบครัว เขตดินแดง 24.บริเวณตลาดดินแดง 25.สถาบันสุขภาพจิตสมเด็จเจ้าพระยา 26.ห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า 27.ห้างเซ็นทรัลพระราม 2 28.โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี 29.ชุมชนภราดรพัฒนา เขตมีนบุรีในวันที่ 23 ก.ค. 30.ชุมชนสุวรรณประสิทธิ เขตบึงกุ่มในวันที่ 24 ก.ค. 31.ชุมชนดารุลอินด๊ะ เขตคลองสามวา ในวันที่ 25 ก.ค. 32.ชุมชนสุเหร่าแดง เขตคันนายาวในวันที่ 26 ก.ค. และ33.แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวาในวันที่ 27 ก.ค. 2555

   ************************  23 กรกฎาคม 2555



   
   


View 10    23/07/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ