วันนี้ (2 มีนาคม 2554) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมสุขภาพจิต ประชุมสมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน เพื่อรับฟังปัญหาและข้อคิดเห็น และได้เยี่ยมชมการผลิตยา ที่บริษัทเพรซิเดนท์ อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

          นายจุรินทร์กล่าวว่า วันนี้เป็นการดำเนินการตามนโยบาย 1 ใน 21 ข้อของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะทำงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนงานด้านสาธารณสุขให้มีความก้าวหน้า สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว  ซึ่งในวันนี้เป็นการตรวจเยี่ยมกลไกภาคเอกชนครั้งที่ 3จากการหารือกับสมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบันในวันนี้ ได้ข้อสรุปร่วมกัน 5 ประเด็นได้แก่ 1.ในเรื่องของบัญชียาหลักแห่งชาติ ผู้ผลิตยาแผนปัจจุบันอยากให้มีการปรับปรุงบัญชียาหลักแห่งชาติที่เปิดโอกาสให้ยาที่ผลิตได้ในประเทศที่หมดสิทธิบัตรแล้ว และผลิตทดแทนการนำเข้า ได้รับการบรรจุเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติมากขึ้น2.การกำหนดราคากลางยา ซึ่งภาคเอกชนเห็นว่ายังมีความไม่เหมาะสม โดย 2 ประเด็นนี้ได้มอบหมายให้สมาคมฯ ส่งรายชื่อบัญชียาที่ผลิตได้ในประเทศ และเป็นยาที่หมดสิทธิบัตรแล้ว ให้คณะอนุกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา ส่วนแนวทางการกำหนดราคากลางยา ได้มอบหมายให้เลขาธิการอย. จัดเวทีให้สมาคมฯได้หารือร่วมกับคณะอนุกรรมกำหนดราคากลางยา เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เหมาะสมที่สุด
                3.เรื่องขององค์การเภสัชกรรม ซึ่งภาคเอกชนคิดว่าองค์การเภสัชกรรมได้รับสิทธิพิเศษในการจำหน่ายยาให้กับหน่วยงานราชการ ในประเด็นนี้ได้มอบหมายให้ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไปพิจารณาความเหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ให้ทั้งองค์การเภสัชกรรมและอุตสาหกรรมการผลิตยาแผนปัจจุบันไทย ได้มีโอกาสเติบโต ส่วนองค์การเภสัชกรรมยังสามารถเป็นกลไกของกระทรวงสาธารณสุขในการแก้ปัญหาประเทศในยามวิกฤติได้ต่อไป 4.การผลิตสารมาตรฐานเพื่อเปรียบเทียบ ซึ่งเปรียบเสมือนกับตาชั่งกลางในการนำตัวยามาเปรียบเทียบ ได้มอบให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รับไปดำเนินการ โดยให้ทางสมาคมฯจัดส่งรายการสารมาตรฐานที่ต้องการให้กรมวิทย์ฯ ดำเนินการ  เพื่อจะได้มีตัวช่วยในการผลิตยาในภาคเอกชนต่อไป           5.เรื่องการดำเนินการด้านสิทธิบัตรยาที่เกี่ยวข้องการค้า กระทรวงสาธารณสุขมีคณะทำงานอยู่แล้ว 1 ชุด ก็จะขอให้มีการแต่งตั้งตัวแทนของสมาคมฯเข้าไปทำงานด้วย เพื่อช่วยกันหารือและหาข้อสรุปที่มีความเหมาะสมต่อไป
                ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ ได้ให้ข้อมูลมูลค่าตลาดยาแผนปัจจุบันในประเทศว่ามีมูลค่าประมาณ 120,000 ล้านบาท โดยเป็นยานำเข้าจากต่างประเทศร้อยละ 65และผลิตเองภายในประเทศร้อยละ 35หากอุตสาหกรรมยาในประเทศได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาล จะทำให้มีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 40 ภายใน 2 ปี และในแต่ละปีจะมียาที่หมดสิทธิบัตร 3-5 ตัว  
 ************************************ 2 มีนาคม 2554


   
   


View 10    02/03/2554   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ