สาธารณสุข เผยในปี 2553 คนไทยรอดตายจากโรคพิษสุนัขบ้ากว่า 4 แสนราย เพราะฉีดวัคซีนป้องกันทัน มี 13 รายเสียชีวิตเพราะชะล่าใจ ไม่ได้ฉีดวัคซีนหลังถูกกัด อยู่ในกทม. 6 ราย ต่างจังหวัด 7 ราย สัตว์ที่กัดส่วนใหญ่เป็นสุนัขมีเจ้าของที่ไม่เคยรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ขณะที่ทั่วโลกมีคนเสียชีวิตจากโรคนี้ปีละกว่า 55,000 ราย ร้อยละ 95 อยู่ในเอเชีย อาฟริกา

                ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 กันยายนทุกปี เป็นวันที่องค์กรเพื่อการรณรงค์ควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า (Alliance for Rabies Control)ร่วมกับองค์การอนามัยโลก(WHO) และองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) กำหนดให้เป็นวันป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโลก (World Rabies Day) เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัว มีส่วนร่วมป้องกัน ควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า หยุดยั้งไม่ให้ประชาชนเสียชีวิตจากโรคดังกล่าว ดังคำขวัญว่า “ร่วมมือ กำจัดภัย ร่วมใจป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้สูญพันธุ์ เล่าขานกันเป็นตำนาน”(Working Together to Make Rabies History) ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าปีละกว่า 55,000 ราย ร้อยละ 95 เกิดขึ้นในประเทศแถบเอเชียและอาฟริกา ทั้งๆที่โรคนี้มีวัคซีนฉีดป้องกันในสัตว์ และวัคซีนฉีดป้องกันการเสียชีวิตในคนหลังถูกสัตว์กัด
          ดร.พรรณสิริกล่าวว่า ในปี 2553 ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนกันยายน มีคนไทยเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า 13 ราย เป็นชาย 10 ราย หญิง 3 ราย อายุระหว่าง 3 ปี-67 ปี โดยอยู่ในกรุงเทพฯ 6 ราย กาญจนบุรี 2 ราย ตาก ชลบุรี สมุทรปราการ สุพรรณบุรี และสระบุรี จังหวัดละ 1 ราย ทั้งหมดนี้ ถูกสุนัขกัด 12 ราย อีก 1 รายถูกแมวกัด ส่วนใหญ่หลังถูกกัดไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันหรือฉีดเพียงเข็มเดียว จากการสอบสวนประวัติก่อนเสียชีวิต พบถูกกัดตั้งแต่ 1 เดือนจนถึง 1 ปี สุนัขที่กัด 9 รายมีเจ้าของ แต่ไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อน ที่เหลือเป็นสุนัขจรจัด 3 ราย แมวจรจัด 1 ราย โดยปีนี้มีคนไทยถูกสุนัขและแมวกัดทั้งหมด 446,255 ราย และเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่โรงพยาบาลจึงรอดตาย โดยตลอดปี 2552 มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ 23 ราย
          ดร.พรรณสิริกล่าวว่า โรคพิษสุนัขบ้ามีวัคซีนป้องกันได้ 2 วิธีคือ ฉีดป้องกันในสัตว์เลี้ยงเช่นสุนัข แมว ต้องฉีดทุกปี และฉีดป้องกันในคนหลังถูกกัด ไม่ว่าจะมีบาดแผลเล็กใหญ่ หรือแค่รอยถลอก รอยเล็บสัตว์ขีดข่วนก็ตาม จากการประเมินพบคนไทยยังมีความตื่นตัวเรื่องนี้น้อย มีการฉีดวัคซีนป้องกันในสัตว์เลี้ยงต่ำกว่าร้อยละ 80 โดยองค์การอนามัยโลกกำหนดควรครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 80 จึงสามารถป้องกันการแพร่ระบาดโรคในสัตว์ได้สำเร็จ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือคนเลี้ยงสุนัข แมว ให้พาสัตว์ทุกตัวไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี จะช่วยให้สังคมไทยปลอดจากโรคพิษสุนัขบ้าในที่สุด
          ด้านนายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า เด็กอายุ 1-10 ปี เป็นกลุ่มที่ถูกสุนัขกัดมากที่สุด ในช่วงปิดเทอมผู้ปกครองอาจพาลูกหลานไปเที่ยว ขอให้หลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขกัด โดยให้ยึดคาถาปฏิบัติ 5 ย. คือ 1.อย่าแหย่ให้สุนัขโมโห 2. ย่าเหยียบสุนัข 3.อย่าแยกเมื่อสุนัขกำลังกัดกัน 4.อย่าหยิบชามอาหารสุนัขหรือลูกสุนัขเนื่องจากแม่สุนัขอาจหวงและกัดได้ และ5.อย่ายุ่งกับสุนัขแปลกหน้าหรือไม่รู้ประวัติ เพื่อความปลอดภัยให้กำชับเด็ก หากถูกสุนัขกัดแม้บาดแผลเล็กน้อยหรือเป็นลูกสุนัขก็ตาม ให้รีบบอกผู้ปกครองหรือครูทันที
ทั้งนี้หลังถูกสุนัขหรือแมว กัดหรือข่วน ขอให้รีบล้างแผลให้สะอาด ด้วยน้ำเปล่า ฟอกด้วยสบู่ ล้างหลายๆครั้ง เพื่อขจัดเชื้อโรคที่มีอยู่ในน้ำลายของสัตว์ออกจากแผลให้มากที่สุด และให้ไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันทันที เพราะผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่มักไม่ไปหาแพทย์ เพราะเห็นว่าบาดแผลเล็กน้อย หรือสุนัขที่กัดเป็นลูกสุนัข หรือเป็นสุนัขที่มีเจ้าของ จึงไม่ใส่ใจ  
          สำหรับโรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่มีอันตรายร้ายแรง หากปล่อยทิ้งไว้จนมีอาการป่วยจะเสียชีวิตทุกราย ไม่มียารักษา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดเป็นโรคนี้ได้ แต่ในไทยส่วนใหญ่สุนัขจะเป็นตัวนำโรคมาสู่คน เชื้อโรคจะอยู่ในน้ำลายของสุนัขที่เป็นโรค เชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจะเข้าสู่ร่างกายคนทางบาดแผล หรือถูกเลียที่ปากจมูก ตา เชื้อจะเข้าทางปลายประสาทและขึ้นสมอง ทำให้สมองหรือไขสันหลังอักเสบ โดยทั่วไปจะปรากฏอาการหลังได้รับเชื้อตั้งแต่ 7 วันถึงหลายปี แต่ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 1-6 เดือน สัตว์ที่ป่วยเป็นโรคพิษสุนัขบ้ามีทั้งชนิดเซื่องซึม   และอาการดุร้าย ชนิดดุร้ายสังเกตได้ง่ายๆ คือสัตว์มีนิสัยเปลี่ยนไปจากปกติ กระวนกระวาย ตื่นเต้น ไล่กัดคนหรือสัตว์อื่นที่ขวางหน้า กลืนอาหารและน้ำไม่ได้ หางตก น้ำลายไหล ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตหลังมีอาการไม่เกิน 10 วัน หากเห็นสุนัขมีอาการดังกล่าวต้องรีบช่วยกันกำจัดทันที เพื่อไม่ให้ไปกัดคนหรือสัตว์อื่น

 ********************************     28 กันยายน 2553



   
   


View 19    28/09/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ