ปลัดกระทรวงสาธารณสุขสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีโรงพยาบาลกำแพงแสนทำคลอดลูกเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2553 เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย เร่งรายงานผลโดยเร็วที่สุด แจงการใส่ผ้าอนามัย ไม่ใช่ใสเพื่อปิดกั้นการคลอด แต่เป็นการรองรับน้ำคร่ำที่ไหลออก ป้องกันการติดเชื้อเข้าโพรงมดลูก
จากกรณีที่นายศักดิ์พล สระทองอั๋น อยู่บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ตำบลสระสี่มุม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ร้องเรียนโรงพยาบาลกำแพงแสน จ.นครปฐม หลังพาภรรยาไปคลอดบุตรเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2553 เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. และเด็กเสียชีวิตหลังจากที่โรงพยาบาลกำแพงแสนได้ส่งภรรยาไปคลอดที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม เนื่องจากเด็กอยู่ในท่าก้น
ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว วันนี้(27 สิงหาคม 2553)นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ว่า นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง 1 ชุด เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และให้รายงานผลโดยเร็ว
นายแพทย์สุพรรณ กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากนายแพทย์สมชาย เจนลาภวัฒนกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกำแพงแสน ว่า ทีมพยาบาลประจำห้องคลอดได้ให้การดูแลผู้ป่วยคลอดรายนี้ตามมาตรฐานการดูแลผู้เจ็บครรภ์คลอด หลังรับรักษาเวลา 07.30 น. วันที่ 22 สิงหาคม 2553 พยาบาลได้ทำการตรวจครรภ์ และตรวจภายในพบว่าปากมดลูกเปิด 1 เซนติเมตร เด็กยังลงช่องเชิงกรานไม่เต็มที่ จากนั้นได้ติดตามการหดรัดตัวของมดลูก ฟังเสียงหัวใจเด็กด้วยเครื่องมือตลอดเวลา ทุก 1 ชั่วโมง เนื่องจากรายนี้มีอายุครรภ์ 35 สัปดาห์ยังไม่ครบกำหนดคลอด แพทย์ได้ตรวจอาการแล้วให้นอนพักบนเตียง ลดการเคลื่อนไหวให้มากที่สุดเพื่อลดการกระตุ้นการบีบตัวของมดลูกเป็นการประคับประคองให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปจนครบกำหนด ผลพบว่าเด็กหัวใจเต้นปกติ แต่ต่อมาผู้ป่วยเจ็บครรภ์ถี่ขึ้น ปากมดลูกเปิดมากขึ้น มีน้ำคร่ำรั่วซึมออกมา แพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะฉีดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
จากนั้นเวลา 12.45 น. ผู้ป่วยมีอาการเจ็บครรภ์ถี่และรู้สึกอยากเบ่งจึงได้ตรวจภายในอีกครั้ง พบว่าปากมดลูกเปิดหมด เด็กอยู่ในท่าก้น แพทย์เวรประจำวันหยุดได้ตรวจประเมินผู้ป่วยและวางแผนให้ผู้ป่วยคลอดได้อย่างปลอดภัยที่สุดโดยสูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงได้ส่งผู้ป่วยไปคลอดที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม และจัดเตรียมพยาบาลไปให้การดูแลผู้ป่วยระหว่างการนำส่ง 2 คน เพื่อช่วยดูแลผู้ป่วยและบุตรกรณีเกิดการคลอดฉุกเฉินบนรถ พร้อมทั้งได้ให้ออกซิเจนกับผู้ป่วยทางจมูกตลอดทางป้องกันไม่ให้เด็กขาดออกซิเจน ฉีดยาคลายการหดรัดตัวของมดลูกป้องกันการคลอดระหว่างนำส่งซึ่งอาจเป็นอันตรายกับผู้คลอดและทารกได้ และใส่ผ้าอนามัยเพื่อรองรับน้ำคร่ำป้องกันการติดเชื้อเข้าโพรงมดลูก ไม่ใช่เป็นการปิดกั้นการคลอดแต่อย่างใด
ทางด้านดร.นายแพทย์คงเดช ลีโทชวลิต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า การเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดในประเทศไทยพบราวร้อยละ 9 ของการคลอดทั้งหมดและ เป็นสาเหตุทำให้ทารกเสียชีวิตได้ถึง ร้อยละ 60-80 ยิ่งคลอดก่อนกำหนดเร็วมากเท่าใดโอกาสที่ทารกจะเสียชีวิตมีสูงเนื่องจากอวัยวะต่างๆภายในร่างกายยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ไม่พร้อมที่จะทำงาน อย่างไรก็ดีในการให้การช่วยเหลือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจะเร่งนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์โดยเร็วที่สุด
........................................ 27 สิงหาคม 2553
View 11
27/08/2553
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ