กระทรวงสาธารณสุข แจงผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของนางสน เรือนน้อย อายุ 68 ปี เมื่อสิงหาคม 2552 ว่า แพทย์ ทันตแพทย์ ร.พ.น่านให้การดูแลรักษาถูกต้องตามหลักวิชาการและดูแลอย่างเต็มที่ โดยไม่มีการขูดหินปูนให้แก่ผู้เสียชีวิตตามที่เป็นข่าว เนื่องจากผู้เสียชีวิตมีปัญหาเกล็ดเลือดต่ำมาก ทันตแพทย์เพียงแต่ตรวจช่องปาก และล้างทำความสะอาดช่องปากเพื่อลดการติดเชื้อให้เท่านั้น ส่วนกรณีการเสียชีวิตที่ลพบุรี สาเหตุเกิดจากกระเพาะอาหารทะลุ และติดเชื้อในช่องท้องอย่างรุนแรง แพทย์ดูแลรักษาเต็มที่ จากกรณีที่นางปาณิศา ชายครอง บ้านเลขที่ 156 หมู่ 4 ถนนสา-นาน้อย ต.กลางเวียง อ.เวียงสา จ.น่าน ได้ยื่นฟ้องสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลร.พ.เวียงสา และร.พ.น่าน เรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหายจาการรักษาผิดพลาดจนเป็นเหตุให้มารดาคือนางสน เรือนน้อย อายุ 68 ปี เสียชีวิตหลังเข้ารับการรักษา และเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1.5 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อ 25 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง 1 ชุด มีนายแพทย์บุญชัย สมบูรณ์สุข ผู้ตรวจราชการประจำเขตรับผิดชอบเป็นประธาน และมีนิติกรประจำกลุ่มเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขอีก 2 คน เป็นคณะกรรมการเพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย โดยทำการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องด้านการให้การรักษาแก่ผู้เสียชีวิตรายนี้ทุกคน นายแพทย์สุพรรณ กล่าวว่า ขณะนี้ผลการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว พบว่าทีมแพทย์และทันตแพทย์ของโรงพยาบาลน่าน ได้ให้การดูแลรักษาเป็นไปตามมาตรฐานหลักวิชาการและจริยธรรม ผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นโรคโลหิตจาง เรียกว่า “อะพลาสติกแอนนีเมีย” (Aplastic anemia) ซึ่งเกิดจากไขกระดูกไม่ทำงาน ไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงได้ ผู้ป่วยจะมีปัญหาเกล็ดเลือดต่ำ ทำให้เลือดออกง่าย หยุดยาก ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ก่อนเสียชีวิตมีปัญหาติดเชื้อในช่องปาก โดยเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเวียงสาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นว่าเป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และมีภาวะซีด เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ แพทย์ได้ส่งตัวไปรักษาต่อโรงพยาบาลน่าน เมื่อ27 สิงหาคม 2552 เพื่อรับการดูแลรักษาจากแพทย์เชี่ยวชาญ หลังจากที่ได้รับการรักษาไปแล้ว ผู้เสียชีวิตยังมีไข้และปวดฟัน จึงส่งพบแพทย์ทันตแพทย์เมื่อ 31 สิงหาคม 2552 ทันตแพทย์ได้ตรวจช่องปาก พบฟันโยกหลายซี่ มีความจำเป็นต้องถอนฟันและขูดหินปูน แต่ไม่ได้ทำการขูดหินปูนในวันดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากตรวจพบผู้ป่วยมีเกล็ดเลือดต่ำมากเพียง 7 หมื่น และซีด จึงได้ทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อลดการติดเชื้อ และวางแผนการถอนฟันโดยต้องรอให้เกล็ดเลือดมากกว่า 1 แสนก่อน ขณะเดียวกันในด้านการรักษาทีมแพทย์ได้ให้การดูแลรักษาอย่างเต็มที่ โดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่าย โดยให้ยา 6 ชนิด ประกอบด้วย ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อในกระแสโลหิต 5 ชนิด และให้ยารักษาการติดเชื้อราอีก 1 ชนิด แต่อาการผู้ป่วยทรุดลง จึงได้วางแผนปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ และส่งรักษาต่อโรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2552 ซึ่งต่อมาทราบว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสโลหิต นายแพทย์สุพรรณกล่าวต่ออีกว่า ในการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตรายนี้ โรงพยาบาลน่านได้ส่งเรื่องเข้าการพิจารณาของคณะกรรมการเยียวยา ตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติด้วย ผลการพิจารณาไม่มีการจ่ายเงินชดเชย เนื่องจากขั้นตอนปฏิบัติดูแลรักษาของแพทย์ถูกต้องตามหลักวิชาการ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการอุทธรณ์ และได้ส่งเรื่องให้แพทยสภาด้วย ทางด้านนายแพทย์นิวัติชัย สุจริตจันทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน กล่าวว่า แม้ว่าทีมแพทย์ของโรงพยาบาลน่านมิได้มีข้อผิดพลาดทางการรักษา แต่ทางโรงพยาบาลได้ให้การดูแลและติดตามร่วมพิธีศพของผู้เสียชีวิตเพื่อแสดงความเสียใจ โดยได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับญาติ ในด้านการรักษาผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นโรคโลหิตจางแล้ว 2 ครั้งที่โรงพยาบาลน่าน ในวันที่ 26 สิงหาคม 2553นี้ จะไปชี้แจงข้อเท็จจริงต่อกรรมมาธิการรัฐสภาด้วย ด้านนายแพทย์นพพร พงศ์ปลื้มปิติชัย นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนายอภิชาติ แก้วไธสง อายุ 19 ปี ชาวจังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2552 จากโรคกระเพาะอาหารทะลุ ซึ่งนางสาวสุขใจ ทอดขุนทด ซึ่งเป็นมารดาได้ยื่นฟ้องสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ฐานละเมิดและเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 3.3 ล้านบาทเมื่อวานนี้ ว่า ผู้เสียชีวิตรายนี้ ได้รับการจ่ายเงินชดเชยตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 เป็นเงิน 1.2 แสนบาทเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2552 โดยจ่ายเป็นเช็ค 2 ใบ จ่ายให้บิดาคือนายสมนึก แก้วไธสง 6 หมื่นบาท และจ่ายนางสาวสุขใจ ทอดขุนทด 6 หมื่นบาทเท่ากัน นายแพทย์นพพร กล่าวต่อไปว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายอภิชาติ แก้วไธสง มาจากโรคกระเพาะอาหารทะลุ และติดเชื้อในช่องท้องอย่างรุนแรง ซึ่งผู้เสียชีวิตรายนี้ มีปัญหาเป็นไส้เลื่อนที่กระบังลม ซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด แต่ไม่มีอาการ กระเพาะอาหารบางส่วนเลื่อนเข้าไปในกระบังลม และเกิดการหดรัดกระเพาะอาหาร เป็นสาเหตุให้กระเพาะอาหารส่วนนั้นขาดเลือดไปเลี้ยง และเกิดเป็นแผลทะลุ ซึ่งเป็นอุบัติการณ์เกิดได้น้อยมาก ก่อนเสียชีวิตได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลลพบุรี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2552 แพทย์ตรวจและให้การรักษา ฉีดยาแล้วแนะนำให้กลับบ้าน แต่อาการไม่ดีขึ้น อาเจียนประมาณ 20 ครั้ง จึงไปรักษาที่โรงพยาบาลพัฒนานิคม ซึ่งแพทย์ได้งดน้ำงดอาหาร ให้น้ำเกลือ และใส่สายยางที่กระเพาะอาการ เพื่อระบายลมเอาน้ำออก จากนั้นได้ส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลลพบุรีเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2552 เวลา 13.00 น. ทีมแพทย์เฉพาะทางได้ตรวจประเมินอาการและทำการผ่าตัด ในเวลา 20.00 น.วันเดียวกัน โดยได้ตัดกระเพาะอาหารเป็นบางส่วน ตัดไส้ติ่งและเย็บซ่อมกระบังลมด้านซ้าย ซึ่งแพทย์พบว่ามีเศษอาหารอยู่ในช่องท้อง และมีการติดเชื้อร่วมด้วย ได้ให้ยาปฏิชีวนะ และดูแลรักษาอย่างเต็มที่ หลังผ่าตัดผู้ป่วยฟื้นเวลา 23.35 น. ผู้ป่วยพูดคุยได้ แพทย์ได้ตรวจเยี่ยมอาการซ้ำอีกในเวลาต่อมา พบว่าผู้ป่วยอาการทรุดลงหยุดหายใจในวันที่ 24 สิงหาคม 2552 เวลา 07.25 น. แพทย์ได้ช่วยกันฟื้นคืนชีวิต และเสียชีวิตเวลา 07.55 น. ทางโรงพยาบาลได้ร่วมพิธีศพ เพื่อแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย ******************************** 20 สิงหาคม 2553


   
   


View 17    20/08/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ