รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยขณะนี้เป็นช่วงการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นบางพื้นที่ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม 2553 บางแห่งพบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ร้อยละ 5-10 ของผู้ที่มารักษาที่แผนกผู้ป่วยนอก แนะคนที่เป็นไข้หวัดให้หยุดอยู่บ้านเป็นเวลา 7 วัน    งดการร่วมกิจกรรมกับคนหมู่มาก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ และให้ 7 กลุ่มเสี่ยงเร่งรับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งวัคซีนรุ่นใหม่สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์ที่ระบาดในขณะนี้

จากกรณีพบคณะผู้บริหารสถานศึกษาจาก จ.อำนาจเจริญ ที่เข้ารับการอบรมที่โรงแรมใน จ.อุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม 8 สิงหาคม 2553 มีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ระหว่างอบรม ผลการสุ่มตรวจของทีมแพทย์จากรพ.สรรพสิทธิประสงค์ จำนวน 10 คน พบว่าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั้ง 10 คน ตามที่เป็นข่าวนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ วันนี้ (7 สิงหาคม2553) ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ทีมแพทย์โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคจังหวัดอุบลราชธานี ได้ร่วมสอบสวนควบคุมโรค โดยตรวจคัดกรองผู้เข้าประชุมทั้งหมด 222 คน ผลการตรวจพบผู้ที่มีอาการป่วยคือมีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว เจ็บคอ จำนวน 73 คน อาการไม่รุนแรง และได้รับยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์กินเป็นเวลา 5 วัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้คำแนะนำในการดูแลตนเอง ให้พักผ่อนที่บ้าน จนกว่าจะหายอย่างน้อย 7 วัน จึงกลับไปทำงาน พร้อมทั้งแจกเจลล้างมือ หน้ากากอนามัยไปใช้ระหว่างป่วย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่คนในบ้าน และคนใกล้ชิด รวมทั้งแนะนำผู้ประกอบการโรงแรมที่คณะผู้เข้าประชุมพักและประชุมให้ทำความสะอาดห้องพัก ห้องประชุม ห้องอาหาร ห้องน้ำ ราวบันได ลูกบิดประตู และจุดอื่นๆ ที่ผู้เข้าประชุมสัมผัสแล้ว
ดร.พรรณสิริกล่าวว่าผลการสอบสวนโรค พบว่าต้นเหตุการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ครั้งนี้ มาจากผู้เข้าร่วมประชุม 1 รายป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และมาเข้าร่วมประชุม จึงทำให้เกิดการระบาดเป็นกลุ่มใหญ่อย่างรวดเร็วในกลุ่มผู้เข้าประชุม ประกอบกับขณะนี้อยู่ในช่วงการระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งทำให้มีผู้ป่วยโรคนี้สูงเป็นประจำทุกปี จึงขอย้ำเตือนประชาชนทุกคนที่เป็นไข้และมีอาการคล้ายไข้หวัดทุกชนิด ขอให้หยุดพักอยู่ที่บ้านประมาณ 7 วันหรือจนกว่าจะหายดี   หากไม่สามารถทำได้ ให้ใช้หน้ากากอนามัยตลอดเวลาและล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆไม่เข้าใกล้คนหมู่มาก เพื่อป้องกันไม่ให้โรคแพร่ระบาดไปสู่ผู้อื่น โดยเฉพาะสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศต้องระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากอากาศถ่ายเทไม่ดี
ประการสำคัญขอให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์มากกว่า 7 เดือนขึ้นไป 2.คนอ้วนน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัมขึ้นไป 3.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 4.บุคคลอายุ 6 เดือนขึ้นไปที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ได้แก่โรคปอดอุดกั้น หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งอยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด เบาหวาน ธาลัสซีเมีย ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันผิดปกติ 5.ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป 6.เด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี 7.บุคลากรสาธารณสุขและผู้มีหน้าที่กำจัดซากสัตว์ปีก ไปรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ฟรี ซึ่งป้องกันได้ทั้งไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลและไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน                     ดร.พรรณสิริกล่าว                                                                           
ทางด้านนายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า โรคไข้หวัดพบมากในช่วงฤดูฝนและต้นฤดูหนาว ผลการเฝ้าระวังทั่วประเทศพบว่า ผู้ป่วยไข้หวัดตามฤดูกาลมีแนวโน้มสูงขึ้น บางพื้นที่พบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ประมาณร้อยละ 5 ของผู้ป่วยนอก ในขณะที่บางพื้นที่พบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ประมาณร้อยละ 10 ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนที่ต้องดำเนินการเฝ้าระวังและควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในลักษณะเป็นกลุ่มๆ ยังมีไม่มากนัก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกแต่ย้ำให้ระมัดระวังตัวดังที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้กล่าวแล้วเนื่องจากอาจมีการระบาดเกิดขึ้นอีกในช่วงนี้ได้

       *************************************    7 สิงหาคม 2553



   
   


View 12    07/08/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ