บ่ายวันนี้(28 เมษายน 2553) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดงานรณรงค์เนื่องในวันไอโอดีนแห่งชาติ ประจำปี 2553 ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพฯ เพื่อรวมพลัง สร้างความตระหนัก ย้ำเตือนให้ประชาชนเห็นผลร้ายของการขาดสารไอโอดีน ซึ่งทำให้ร่างกายและสมองเจริญเติบโตด้อยลง ระดับสติปัญญาด้อยจนถึงขั้นปัญญาอ่อน ซึ่งสามารถป้องกัน ควบคุมและแก้ไขได้ โดยใช้เกลือหรือน้ำปลาเสริมไอโอดีน ในการปรุงและประกอบอาหาร และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่เสริมไอโอดีน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสริมไอโอดีน ไข่เสริมไอโอดีน
.jpg)
นายจุรินทร์ กล่าวว่า โครงการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีน เป็นโครงการพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยและพระราชทานพระราชดำริเรื่องนี้อยู่เสมอ เนื่องจากการขาดสารไอโอดีนยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ ซึ่งสารไอโอดีนมีประโยชน์ทั้งต่อร่างกายและสมองตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จนกระทั่งคลอดและตลอดชีวิต หากร่างกายขาดสารไอโอดีนจะเสี่ยงต่อความไม่สมบูรณ์ทางด้านร่างกาย เสี่ยงต่อความพิการ หรือเสี่ยงต่อสภาพที่มีผลกระทบทางสมอง เช่น มีไอคิวต่ำกว่าปกติ หรือปัญญาอ่อน ซึ่งมีผลการวิจัยเป็นที่ยอมรับมาแล้วทั่วโลก ดังนั้นสารไอโอดีนจึงมีความสำคัญยิ่งต่อมวลมนุษยชาติ
มีผลสำรวจพบตัวเลข ที่ทำให้ไทยต้องมาทบทวนกระบวนการส่งเสริมการบริโภคสารไอโอดีน โดยพบว่า ในปี 2551 มีครัวเรือนไทยที่บริโภคเกลือเสริมไอโอดีนร้อยละ 82 แต่ในปี 2552 ลดลงเหลือร้อยละ 77 และพบว่าไอคิวของเด็กไทยเฉลี่ยในปี 2540 อยู่ที่ 91 แต่ในปี 2545 ลดลงเหลือเพียง 88 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยซึ่งควรจะอยู่ที่ 90-110 ถือว่าคนไทยมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ทางคุณภาพร่างกายและสมอง ดังนั้นจะต้องมารณรงค์กันอย่างจริงจัง เนื่องจากสารไอโอดีนจะมีความสำคัญในการพัฒนาทั้งร่างกายและสติปัญญาให้กับคนไทย

นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงสาธารณสุขได้มอบนโยบายแก้ไขปัญหาโรคขาดสารไอโอดีน 3 ประการ ได้แก่ 1. กำหนดมาตรการแก้ปัญหาการขาดสารไอโอดีนในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ ให้เป็นไป ตามเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ที่กำหนดให้มีระดับไอโอดีนในปัสสาวะต่ำกว่า 150 ไมโครกรัมต่อลิตร ไม่เกินร้อยละ 50 เพื่อให้ทารกที่คลอดออกมาได้รับสารไอโอดีนที่พอเพียง ซึ่งจากผลการสำรวจล่าสุดในปี 2552 พบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่มีระดับไอโอดีนในปัสสาวะต่ำกว่า 150 ไมโครกรัมต่อลิตรร้อยละ 59 2. การบังคับใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 153 ที่ให้เกลือบริโภคเป็นอาหารที่กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน ต้องมีปริมาณไอโอดีนไม่น้อยกว่า 30 มิลลิกรัมต่อเกลือ 1 กิโลกรัม และ 3. การรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชน เรื่องอันตรายการขาดสารไอโอดีนมีผลกระทบต่อร่างกายและสติปัญญา โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆเช่น องค์การบริหารส่วนตำบล อสม. ในการควบคุมป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน และเฝ้าระวัง เช่น ดูแลการผลิตจำหน่ายเกลือเสริมไอโอดีนที่มีคุณภาพ การบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆที่เสริมไอโอดีนที่มีจำหน่ายในท้องตลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งในการขจัดโรคขาดสารไอโอดีนให้หมดไปจากไทย และเป็นการเสริมสร้างสติปัญญาคนในชาติ ให้พัฒนาได้เต็มศักยภาพ
******************** 28 มิถุนายน 2553
View 33
28/06/2553
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ