วันนี้(21 มิถุนายน 2553) ที่ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดี-รังสิต กทม. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพร้อมด้วย ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมชี้แจง “โครงการพลิกโฉมโรงพยาบาลยุคใหม่” แก่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขจากทั่วประเทศจำนวน 1,000 คน
นายจุรินทร์ กล่าวว่า โครงการนี้ต้องการพัฒนาปรับปรุงโรงพยาบาลในสังกัดจำนวนกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศใน 3 ด้าน ได้แก่ บรรยากาศ การบริการและการบริหารจัดการ ซึ่งจะเปิดให้บริการประชาชนพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 12 สิงหาคม 2553 นี้ ตั้งแต่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลจังหวัด รวมถึงศูนย์ความเป็นเลิศฯ เช่น สถาบันโรคผิวหนัง สถาบันมะเร็ง สถาบันโรคทรวงอก โรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ และกรมสุขภาพจิต โดยการปรับปรุงบรรยากาศ เช่น ปรับปรุงแผนกผู้ป่วยนอกให้ทันสมัย ผู้รับบริการได้รับความสะดวก ปรับปรุงห้องน้ำห้องส้วมเพื่อเป็นต้นแบบห้องน้ำสะอาดถูกสุขลักษณะ ใช้งบประมาณ 260 ล้านบาท
นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดชุดยูนิฟอร์มสำหรับพนักงานต้อนรับ ที่เหมือนกันทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งพนักงานต้อนรับจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำการบริการ รับฟัง-แก้ไขปัญหาการบริการ โดยให้บริการทั้งผู้ป่วยและญาติ เพื่อให้เกิดความประทับใจที่สุด ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่า ต่อไปนี้ โรงพยาบาลทุกแห่งในสังกัดต้องเป็น “โรงพยาบาลสาธารณสุขยุคใหม่ เพื่อคนไทยสุขภาพดี มีรอยยิ้ม” โดยจะมีการประเมินผลภายใน 3 เดือนหลังจากเริ่มให้บริการในวันที่ 12 สิงหาคม นี้
นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า ในการพัฒนาโรงพยาบาลสาธารณสุขยุคใหม่ฯ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มได้แก่ 1.กลุ่มโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลเฉพาะทางและศูนย์ความเป็นเลิศฯ 2. กลุ่มโรงพยาบาลขนาด 60 เตียงขึ้นไป 3.กลุ่มโรงพยาบาลต่ำกว่า 60 เตียงลงมา และ4.กลุ่มโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งแต่ละระดับจะมีหลักเกณฑ์แตกต่างกันไปตามขนาดโรงพยาบาล หลังจากนั้น ก็จะจัดประกวดโรงพยาบาลแต่ละระดับที่ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาและเป็นที่พอใจของประชาชน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและเชิดชูเกียรติ ส่วนการที่โรงพยาบาลจะเปิดคลินิกบริการนอกเวลา เช่น คลินิกรุ่งอรุณ คลินิกเที่ยงวัน ถือเป็นทางเลือกของโรงพยาบาลไม่ได้เป็นภาคบังคับ แต่ถ้าทำได้ก็ควรจะทำ เพื่อบริการประชาชนได้มากขึ้น
นายจุรินทร์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ได้ปรับบรรยากาศ การปรับคุณภาพบริการทั้งบริการทางการแพทย์และบริการทั่วไปของโรงพยาบาลแล้ว จะช่วยให้ศักยภาพการดูแลรักษาประชาชนดีขึ้น เชื่อว่าปัญหาการกระทบกระทั่งระหว่างผู้ให้บริการ กับผู้รับบริการจะน้อยลง และเป็นที่พึงพอใจมากขึ้น อนุมานได้ว่าปัญหาการฟ้องร้องจะลดลง โดยจะมีการติดตามประเมินผลโรงพยาบาลต่างๆเป็นระยะๆ เชื่อว่าทุกแห่งทำได้จริง เพราะมีการประชุมมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ใช้เป็นการสั่งจากฝ่ายนโยบายฝ่ายเดียว ที่ผ่านมามีหลายแห่งพัฒนาได้เกือบจะครบถ้วนตามเกณฑ์แล้ว
ทางด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรงพยาบาลสาธารณสุขยุคใหม่เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบบริการ ซึ่งจากนี้ไปจะทำให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ เป้าหมายหลักคือการลดความแออัดผู้ใช้บริการและสร้างความพึงพอใจประชาชน โดยเจ้าหน้าที่หรือพนักงานต้อนรับที่แผนกผู้ป่วยนอกจะสวมเครื่องแบบที่เป็นเอกลักษณ์เดียวกัน คือ เสื้อพื้นสีเขียวอ่อน และมีรูปหน้าการ์ตูนยิ้ม 3 สี ซึ่งเป็นสื่อสากล มี 3 สี คือ สีเขียว สีฟ้าและสีส้ม ซึ่งล้วนมีความหมายดังนี้ 1.สีเขียว หมายถึงสดชื่นแจ่มใส 2.สีฟ้าหมายถึงให้บริการเป็นมิตร และ3.สีส้มหมายถึงความทันสมัย
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะจัดฝึกอบรมพนักงานต้อนรับ โดยเชิญวิทยากรระดับปรมาจารย์มาอบมรมเชิงปฏิบัติการ ทั้ง 4 ภาค เป็นระยะเวลา 3 วัน เริ่มที่ภาคกลาง ในวันที่ 28 มิถุนายน 2553 ที่ กทม. ภาคใต้ เริ่มวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 ที่ อ.หาดใหญ่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มวันที่ 13 กรกฏาคม จัดที่ จ.อุบลราชธานี ภาคเหนือ วันที่ 21 กรกฏาคม 2553 ที่ จ.เชียงใหม่
ส่วนในเรื่องการพัฒนาระบบบริหาร โรงพยาบาล โรงพยาบาลทุกระดับจะต้องมีคณะกรรมการ 2 ชุดคือ กรรมการบริหารโรงพยาบาลและกรรมการพัฒนาโรงพยาบาล ซึ่งเป็นเวทีของการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนระดมความคิดเห็น ระดมทรัพยากรมาพัฒนาระบบริหารให้ประชาชนในพื้นที่พึงพอใจ และโรงพยาบาลทุกแห่งต้องมีระบบประกันคุณภาพบริการ ที่ทำอยู่แล้วมาบูรณาการกับนโยบายใหม่ เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปตามมาตรฐานของโรงพยาบาลยุคใหม่
******************** 21 มิถุนายน 2553