ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เร่งตรวจสอบและกวาดล้างสเปรย์น้ำหวานกลิ่นผลไม้ ฉีดใส่ปากที่ไม่มี อย.ทั้งตามหมู่บ้าน ตลาด โรงเรียน หลังพบเด็กนักเรียนที่หนองบัวลำภู 15 ราย กินแล้วมีอาการปวดท้องและปวดศีรษะ หากพบให้ลงโทษผู้ขายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากสเปรย์ดังกล่าวมีสีเข้ม อาจเกินมาตรฐาน ขัดขวางการทำงานของกระเพาะอาหาร และเสี่ยงไตวายหากมีวัตถุกันเสียเกินมาตรฐานในอาหาร จากกรณีที่มีข่าวนักเรียนโรงเรียนบ้านกุดดินจี่ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู 15 คน เข้ารักษาในโรงพยาบาล ด้วยอาการปวดท้องและปวดศีรษะ หลังจากซื้อเครื่องดื่มที่มีลักษณะเป็นสเปรย์กลิ่นผลไม้ ฉลากแสดงภาพเด็กแลบลิ้นสีแดงและมีข้อความภาษาอังกฤษคำว่าฟรุ๊ต แฟลเวอร์ (Fruits Flavor) หรือกลิ่นรสผลไม้ เด็กซื้อมาจากร้านค้านอกโรงเรียนราคาขวดละ 5 บาท นำมากินโดยการฉีดเข้าไปในปาก จากการตรวจสอบพบเป็นเครื่องดื่มบรรจุในขวดพลาสติกหลายสี ไม่พบเครื่องหมายอย. เมื่อฉีดใส่ปากจะทำให้ลิ้นเปลี่ยนเป็นสีตามที่ซื้อมา และมีกลิ่นรสผลไม้ ทำให้เด็กชอบและนิยมซื้อมากิน เด็กบางคนดื่มเข้าไปมากถึง 3 ขวด ซึ่งหลังจากที่ครูประกาศเตือนอันตรายจากเครื่องดื่มชนิดดังกล่าว ปรากฏว่ามีเด็กนำส่งครู 110 ขวด ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าววันนี้ (18 มิถุนายน 2553) นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องของขนมเด็กและอาหารสำเร็จรูปที่ไม่มีเครื่องหมาย อย. นี้ จัดว่าเป็นอาหารผิดกฎหมาย มีความเสี่ยงอันตราย ทั้งในเรื่องมาตรฐานความสะอาด สารเคมี โลหะหนักอันตราย เด็กๆมักรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และเด็กมักชอบขนมที่มีรสหวานและสีสันหลากสี จึงได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภูและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าระวังและออกตรวจสอบตามแหล่งที่น่าจะมีวางขาย เช่นในหมู่บ้าน ตลาดนัด ตลาดทั่วไป รวมทั้งบริเวณหน้าโรงเรียน หากพบให้ดำเนินการตามกฎหมายผู้ค้าอย่างเฉียบขาด เพราะถือว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ขายสินค้าที่เป็นภัยต่อผู้บริโภค และขอย้ำเตือนให้ครูและผู้ปกครองช่วยกันสอดส่องการลักลอบกระทำผิด หากพบขอให้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ และแจ้งสายด่วน อย. 1556 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ที่พบผลิตภัณฑ์ ด้านนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า สิ่งที่เป็นกังวลเกี่ยวกับน้ำหวานรสผลไม้ที่ใส่สี มี 2 เรื่องใหญ่คือ การลักลอบใส่สีที่ไม่ใช่สีผสมอาหารแต่ใช้ในการย้อมผ้า ย้อมกระดาษ ซึ่งมีโลหะหนัก ทำให้เป็นมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ รวมทั้งยังมีพิษจากโลหะหนักที่ผสมในสีประเภทนี้ ทำให้เป็นโรคโลหิตจาง และไตวายได้ หรือในกรณีที่ใช้สีผสมอาหาร อาจมีปริมาณสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งอย. ได้กำหนดไม่เกิน 50-70 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม อาหารที่มีสีเกินมาตรฐาน เมื่อกินเข้าไป สีเหล่านี้จะไปเคลือบที่ผนังกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการดูดซึมสารอาหารไม่ดี หากเด็กเล็กที่กินอาหารเหล่านี้ติดต่อกันอาจเสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร ส่งผลให้การเจริญเติบโตช้าได้ นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อปัญหาการใส่วัตถุกันเสียเกินมาตรฐาน ซึ่งเป็นอันตรายต่อไต โดยอย. กำหนดให้ใส่ในอาหารทั่วไปได้ไม่เกิน 200 ส่วนใน 1 ล้านส่วน หรือ 200 พีพีเอ็ม (PPM.) ซึ่งอาหารดังกล่าวเป็นอาหารที่ฝ่าฝืนกฎหมายมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ********************************* 19 มิถุนายน 2553


   
   


View 17    19/06/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ