สบส. จัดทีม จนท.ลงสอบคลินิก ย่านประชาอุทิศ ปฏิเสธรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ
- กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
- 14 View
- อ่านต่อ
สบส. จัดทีม จนท.ลงสอบคลินิก ย่านประชาอุทิศ ปฏิเสธรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ส่งทีมพนักงานเจ้าหน้าที่ลงสอบคลินิก ย่านประชาอุทิศ หลังพบเหตุปฏิเสธรักษาพยาบาลผู้ป่วยซึ่งมีอาการโรคหัวใจ จนผู้ป่วยเสียชีวิตบริเวณหน้าคลินิกในเวลาต่อมา
วันนี้ (18 มิถุนายน 2568) ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่สื่่อมวลชนได้เผยแพร่ข่าว กรณี ผู้ป่วยชาย อายุ 60 ปี ซึ่งมีประวัติการป่วยด้วยโรคหัวใจ ได้เข้ามาติดต่อขอรักษาพยาบาลอาการแน่นหน้าอก กับคลินิก ย่านประชาอุทิศ แต่ทางคลินิกปฏิเสธการรักษาพยาบาลและให้ไปรักษาที่สถานพยาบาลอื่น ซึ่งในเวลาต่อมาผู้ป่วยมีอาการทรุดลงและเสียชีวิตบริเวณหน้าคลินิกนั้น เมื่อกรม สบส.ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว ก็สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย และกองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยทันที ซึ่งในเบื้องต้นพบว่าคลินิกดังกล่าวปิดทำการ แต่กรม สบส.จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ และดำนินการสอบในประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ได้แก่ 1.คลินิกได้ทำการประเมิน และช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลเพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพ หรือถ้ามีความจำเป็นต้องส่งต่อเพื่อไปรับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลอื่น ได้จัดให้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่นอย่างเหมาะสมหรือไม่ 2.คลินิกได้ประเมินเกณฑ์ผู้บาดเจ็บว่าเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤติ ตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่” (UCEP) หรือไม่ หากผลการตรวจสอบพบว่าคลินิกมิได้ดำเนินการตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด กรม สบส. ก็จะดำเนินการเอาผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 พร้อมส่งเรื่องให้แพทยสภา ดำเนินการตามจริยธรรมทางการแพทย์ต่อไป
ทันตแพทย์อาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้กำหนดอาการของผู้ป่วยที่เข้าข่ายภาวะฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) ไว้ 6 ข้อ ได้แก่ 1.หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ 2.หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรงหายใจติดขัดมีเสียงดัง 3.ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น 4.เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง 5.แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกพูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วนหรือชักต่อเนื่องไม่หยุด และอาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยข้างต้นดังกล่าว หากได้รับการช่วยเหลือล่าช้าอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ การที่คลินิกปฏิเสธการรักษา หรือส่งตัวผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตินั้น นอกจากจะเป็นการกระทำที่ขาดจริยธรรมแล้ว ยังเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ซึ่งมีบทกำหนดโทษให้สถานพยาบาลเอกชนแห่งใดปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ป่วย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตนจึงขอกำชับให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่งยึดประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นหลัก ห้ามนำค่าใช้จ่ายมาเป็นเงื่อนไขในการรักษา และหากประชาชนพบเห็น หรือทราบเบาะแสการปฏิเสธผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตของสถานพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร สามารถแจ้งได้ที่ กรม สบส. หมายเลขโทรศัทพ์ 02 193 7000 ในวันและเวลาราชการ