อย. เดินหน้าคุมเข้มผักผลไม้ ปกป้องคุณภาพชีวิตคนไทย
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
- 42 View
- อ่านต่อ
วานนี้ (2 พฤษภาคม 2568) นายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคแอนแทรกซ์ จังหวัดมุกดาหาร ที่เป็นกระแสในโซเชียล ว่า กรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร และเครือข่ายปศุสัตว์ในพื้นที่ ได้ลงพื้นที่เรียบร้อยแล้ว และได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์โรคล่าสุด ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 พบผู้ป่วยยืนยัน 2 ราย ซึ่งมาจากผู้ป่วยเข้าข่าย 3 ราย และเสียชีวิต 1 ราย โดยมีกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัส รวม 638 ราย แบ่งออกเป็น ผู้ชำแหละเนื้อสัตว์ 36 ราย ผู้รับประทานเนื้อดิบ 472 ราย และผู้สัมผัสร่วมบ้านผู้ชำแหละ 130 ราย โดยผู้ป่วยยืนยันรายที่สอง เป็นชายอายุ 53 ปี มีประวัติการชำแหละโคร่วมกับผู้ป่วยรายแรก มีตุ่มพองเป็นแผลที่ผิวหนังเช่นเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว โดยได้รับยาปฏิชีวนะและมีการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ได้ทำการประเมินโคที่ต้องรับการฉีดวัคซีนป้องกัน จำนวน 1,222 ตัว โดยปศุสัตว์พื้นที่จะดำเนินการต่อไป และปัจจุบันในพื้นที่ได้มีการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณสถานที่เสี่ยงทุกจุดเรียบร้อยแล้ว รวมถึงเก็บตัวอย่างสัตว์เพื่อส่งตรวจหาเชื้อ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผล
โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ชื่อว่า Bacillus anthracis สามารถพบได้ทั่วไปในแหล่งตามธรรมชาติ เช่น ดิน น้ำ ซึ่งสปอร์ของเชื้อมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมทั้งร้อนและเย็น เชื้อยังสามารถก่อให้เกิดโรคได้แม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปี โดยเฉพาะในดินที่มีซากสัตว์ตายด้วยโรคแอนแทรกซ์ สัตว์พาหะส่วนใหญ่ที่พบ คือ โค กระบือ แพะ และแกะ สัตว์ที่ติดเชื้อจะมีอาการไข้ ซึม ไม่กินอาหาร มีอาการเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุและเสียชีวิต การติดเชื้อในคนส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น การชำแหละเนื้อสัตว์ การบริโภคเนื้อสัตว์ดิบ หรือปรุงไม่สุก หรือการสัมผัสกับหนังสัตว์หรือขนสัตว์ที่มีสปอร์ของเชื้อ โรคนี้ยังไม่มีรายงานการติดต่อจากคนสู่คน เชื้อสามารถแพร่ได้ 3 ทาง คือ 1. การสัมผัส จากการชำแหละสัตว์ที่ป่วยตายจากโรคนี้ ผู้ป่วยจะติดเชื้อโดยสปอร์ของเชื้อเข้าสู่บาดแผลและรอยถลอก จะเริ่มมีอาการป่วยหลังสัมผัสโรคประมาณ 1 - 7 วัน หรืออาจจะมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับตัวโรคและ
คนที่ได้รับเชื้อ รอยแผลเริ่มจากเป็นตุ่มที่ผิวหนัง ตามมาด้วยตุ่มน้ำใส และแตกออกกลายเป็นแผลหลุมสีดำ คล้ายบุหรี่จี้ หากไม่ได้รับการรักษาจะแมีการลุกลามของเชื้อไปยังต่อมน้ำเหลือง และกระจายไปตามกระแสเลือดทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษได้ 2. การรับประทาน หากรับประทานเนื้อสัตว์ที่ป่วยดิบหรือปรุงไม่สุกอาจจะติดเชื้อในทางเดินอาหาร มีอาการไข้สูง ไม่สบายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายกับอาการของอาหารเป็นพิษ ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา อาจติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้เสียชีวิตได้ และ 3. การหายใจ ซึ่งพบได้น้อยกว่า คือ การหายใจเอาสปอร์ของแอนแทรกซ์เข้าไป โดยเชื้อจะปนเปื้อนอยู่บริเวณที่สัตว์ป่วยหรือเสียชีวิต สามารถฝังตัวอยู่ได้เป็นเดือนหรือเป็นปี ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ไอ หายใจลําบาก หน้าเขียวคล้ำ และเสียชีวิตจากอาการของระบบหายใจล้มเหลว
แนะนำประชาชน ควรระมัดระวังและสังเกตอาการสัตว์ที่เลี้ยง โดยเฉพาะโค กระบือ แพะ แกะ หากมีอาการป่วยผิดปกติ หรือสัตว์ตาย ไม่ควรชำแหละเนื้อ แต่ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เพื่อเข้ามาตรวจสอบ หรือหากมีประวัติสัมผัสสัตว์และมีอาการป่วย ควรรีบมาพบแพทย์และแจ้งประวัติสัมผัส เช่น มีประวัติการชำแหละและสัมผัสสัตว์ หรือการรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่สุก สำหรับการป้องกัน คือ แนะนำให้ใส่ถุงมือในการชำแหละหรือปรุงเนื้อสัตว์ และล้างมือให้สะอาดจะช่วยลดการปนเปื้อนได้ ส่วนอาหารควรปรุงให้สุก จะทำให้ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งที่เชื่อถือได้และได้มาตรฐาน หากพบอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ เนื่องจากโรคนี้สามารถรักษาหายได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะ หรือกรณีสัมผัสและไม่มีอาการป่วย แพทย์จะมีการให้ยาในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอาการรุนแรง หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
********************************
ข้อมูลจาก : กองระบาดวิทยา/กองโรคติดต่อทั่วไป/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค
วันที่ 3 พฤษภาคม 2568