วันนี้ (20 มีนาคม 2568) แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค และนายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ดำเนินการแถลงข่าวในหัวข้อ “มีนาใส่ใจ ป้องกันโรคภัยหน้าร้อน” พร้อมแนะวิธีป้องกันและดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากอากาศร้อน
       โรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 14 มีนาคม 2568 มีผู้ป่วยสะสม 211,194 ราย มีผู้เสียชีวิต 23 ราย มีอายุระหว่าง 11 - 88 ปี  เป็นเพศชาย 11 ราย เพศหญิง 12 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิต 23 ราย มีโรคประจำตัว 16 ราย เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง วัณโรคปอด และภาวะบกพร่องทางสติปัญญา เป็นต้น และมีประวัติการได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพียง 1 ราย แนวโน้มผู้ป่วยสูงขึ้นต่อเนื่อง กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 5 - 9 ปี สายพันธุ์ที่ตรวจพบมากที่สุด เป็น A/H1N1 ส่วนใหญ่พบการระบาดในโรงเรียน 
       โรคปอดอักเสบ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 14 มีนาคม 2568 มีผู้ป่วยสะสม 111,552 ราย ผู้เสียชีวิต 149 ราย แนวโน้มผู้ป่วยลดลงแต่ยังสูงขึ้นกว่าปี 2567 กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 0 - 4 ปี ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป 
       แนะประชาชน สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าไปในที่ที่มีคนรวมตัวกันจำนวนมาก ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ หากพบว่าป่วยเป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ ควรหยุดพักรักษาตัวจนกว่าจะหายเป็นปกติ
       โรคไข้เลือดออก สถานการณ์ปี 2568 พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกต่ำกว่าปีที่ผ่านมา 4 เท่า โดยพบผู้ป่วย 5,615 ราย และผู้เสียชีวิต 10 ราย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มวัยเรียน แต่อัตราป่วยตายสูงเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ เน้นย้ำให้กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ทำความสะอาดบ้านไม่ให้มีมุมอับทึบ พักผ่อนในห้องที่มีมุ้งลวด หากมีผู้ป่วยในบ้านหรือใกล้บ้าน ให้เจ้าหน้าที่ฉีดพ่นกำจัดยุงตัวเต็มวัยทั้งในและนอกบ้าน สังเกตอาการบุตรหลาน และผู้สูงอายุในบ้าน หากมีอาการไข้สูงลอยมากกว่า 2 วัน ทานยาพาราเซตามอล งดทานยากลุ่ม NSAIDs เช็ดตัวแต่ไข้ไม่ลด ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีจุดผื่นแดงตามตัว ควรรีบไปพบแพทย์
       โรคอาหารเป็นพิษ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 14 มีนาคม 2568 พบผู้ป่วยสะสม 37,831 ราย อัตราป่วย 58.28 ต่อประชากรแสนคน ไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงสุด คือ อายุ 5 - 9 ปี โดยในปี 2568 พบผู้ป่วยสูงกว่าปี 2567
       โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 13 มีนาคม 2568 มีผู้ป่วยสะสม 129,638 ราย เสียชีวิต 2 ราย กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงสุด คือ อายุ 0 - 4 ปี ซึ่งปี 2568 พบผู้ป่วยใกล้เคียงกับปี 2567
       แนะประชาชน ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” ล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาด เลือกดื่มน้ำต้มสุก หรือน้ำดื่มบรรจุขวดที่มีเครื่องหมาย อย. ฝาปิดสนิท บรรจุภัณฑ์ไม่มีรอยรั่ว เลือกบริโภคน้ำแข็งที่สะอาด บรรจุถุงต้องไม่มีรอยรั่วฉีกขาด มีเครื่องหมาย อย. และมีข้อความ “น้ำแข็งใช้รับประทานได้”
       โรคพิษสุนัขบ้า ปี 2568 พบผู้เสียชีวิต 3 ราย ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 17 มีนาคม 2568 พบเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ได้แก่ โค กระบือ จังหวัดที่มีการรายงานการติดเชื้อ คือ มหาสารคาม อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ขอนแก่น และบุรีรัมย์ มีจำนวนผู้สัมผัสสัตว์รวม 34 ราย จากการสัมผัสสัตว์ ฆ่าสัตว์ ชำแหละเนื้อสัตว์ และบริโภคเนื้อสัตว์ขณะดิบ ทุกรายได้รับการติดตามให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า การป้องกันที่ดีที่สุดคือการนำสัตว์เลี้ยงสุนัข แมว เข้ารับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าตามกำหนดทุกปี โดยมีการรณรงค์ฉีดฟรี ในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม ในต่างจังหวัดสามารถติดตามบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำหรับกรุงเทพฯ สามารถติดตามบริการได้ที่สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และเน้นยึดหลัก 5 ย. “อย่าแหย่ อย่าเหยียบ อย่าแยก อย่าหยิบ อย่ายุ่ง” นอกจากนี้ หากพบโค กระบือ ป่วยตายผิดปกติหรือพบสัตว์ที่มีอาการคล้ายโรคพิษสุนัขบ้า ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ และห้ามชำแหละซากเพื่อบริโภค เพราะการชำแหละเนื้อสัตว์โดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน และการรับประทานเนื้อดิบก็อาจติดโรคพิษสุนัขบ้าได้ ทั้งนี้ หากถูกสุนัขและแมวกัด แม้แผลเล็กน้อย ควรไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
       โรคจากต่างประเทศ โรคไข้หวัดนก มีการรายงานเป็นระยะ โดยเฉพาะสายพันธุ์ A(H5N1) ซึ่งติดต่อจากสัตว์มาสู่คน แต่ยังไม่พบว่าสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ ปี 2568 ประเทศกัมพูชาพบผู้ป่วย 2 ราย เสียชีวิตทั้ง 2 ราย สหรัฐอเมริกา ปี 2568 มีผู้ป่วยสะสม 70 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 1 ราย แนะประชาชน รับประทานอาหารที่ปรุงสุก โดยเฉพาะสัตว์ปีก ไข่ และผลิตภัณฑ์จากโคนม หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก สุกร หรือโคนมที่ป่วยหรือตายผิดปกติ ควรสวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือ และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัส เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก สุกร และโคนม หากพบสัตว์ปีกป่วยตายจำนวนมาก ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ หรือตาแดงอักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์ สำหรับประชาชนที่เดินทางไปยังพื้นที่มีการระบาดขอให้ยึดหลัก 3 ล “หลีก เลี่ยง ล้าง” หากมีอาการป่วยคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการสัมผัสสัตว์ และประวัติการเดินทาง
       โรคฝีดาษวานร (Mpox) สถานการณ์ทั่วโลกในปี 2568 พบผู้ป่วย 3,724 ราย เสียชีวิต 11 ราย และในทวีปแอฟริกา พบผู้ป่วย 6,596 ราย เสียชีวิต 26 ราย ประเทศไทยในปี 2568 ตั้งแต่ต้นปี - 16 มีนาคม 2568 พบผู้ป่วย 8 ราย ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ Clade II ส่วนสายพันธุ์ Clade Ib ยังคงพบแค่ 3 ราย แนะนำประชาชนหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดหรือสัมผัสผู้มีผื่นสงสัย ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น หมั่นล้างมือ ทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม เฝ้าระวัง สังเกตอาการเบื้องต้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หรือภูมิคุ้มกันต่ำ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี หากมีอาการสงสัยให้รีบพบแพทย์ทันที อย่าชะล่าใจเนื่องจากมีโอกาสอาการรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้ 
       โรคไข้ดำแดง ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 13 มีนาคม 2568 พบผู้ป่วยสะสม 1,693 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงสุด คือ อายุ 5 - 9 ปี ลักษณะอาการมีไข้สูงฉับพลัน หนาวสั่น ปวดศีรษะ เจ็บคอ ลิ้นบวมแดง (Strawberry tongue) ผื่นแดงขึ้นตามตัว การป้องกัน โรคไข้ดำแดง ที่ดีที่สุด การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล และการจัดการสิ่งแวดล้อมให้สะอาด หากแพทย์สงสัยโรคไข้ดำแดง และได้ยาปฏิชีวนะ ต้องรับประทานยาให้ครบตามแพทย์สั่ง เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ไตอักเสบ ไข้รูมาติก เป็นต้น
       ภาวะปอดอักเสบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า (EVALI) เป็นภาวะปอดอักเสบรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิด EVALI อาจเกิดจากสาร Propylene Glycol, Vegetable Glycerin (glycerol) สารปรุงแต่งกลิ่น สารสกัดจากน้ำมันกัญชาหลายชนิด เช่น Vitamin E acetate และมีสารอื่นๆ โดยมีอาการแสดง ดังนี้ หนาวสั่น ไอ หายใจลำบาก ปวดเมื่อยตามตัว คลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสีย โดยในประเทศไทย พบผู้ป่วยภาวะปอดอักเสบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 12 ราย อายุเฉลี่ย 15.3 ปี ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง โดย 10 ใน 12 ราย เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เตือนประชาชน เด็ก และเยาวชน ที่กำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าให้เลิกสูบ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอันตรายทั้งต่อตนเองและคนใกล้ชิด เพราะเป็นอันตรายทั้งต่อปอด และระบบทางเดินหายใจ ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เนื่องจากปอดจะถูกทำลายจากการอักเสบที่รุนแรงซึ่งอาจอันตราย ถึงชีวิตได้ 
       วันวัณโรคสากล ( World TB Day ) ในวันที่ 24 มีนาคม ของทุกปี ทางสหพันธ์องค์กรต่อต้านวัณโรค  และโรคปอดนานาชาติ ได้มีการกำหนดให้เป็น "วันวัณโรคสากล" (World TB Day)” เพื่อสร้างความตระหนักถึงภัยของวัณโรคที่ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขระดับโลก วัณโรคสามารถป้องกันได้ เน้นย้ำให้ตรวจร่างกายโดยการเอกซเรย์ปอดอย่างน้อยปีละครั้ง สำหรับผู้ป่วยวัณโรคต้องให้กินยาสม่ำเสมอทุกวัน และให้สมาชิกในครอบครัวไปตรวจคัดกรองการติดเชื้อเพื่อกินยาป้องกัน และเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี ที่สัมผัสอยู่ร่วมบ้านหรือใกล้ชิดผู้ป่วยวัณโรค ควรได้รับการติดตามและพบแพทย์ทุกราย


ตรวจจับเร็ว ตอบโต้ทัน ป้องกันได้

*************************
ข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค
วันที่ 20 มีนาคม 2568

 



   
   


View 20    20/03/2568   ข่าวในรั้ว สธ.    สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ