กรมอนามัย X LINE MAN Wongnai สานต่อความร่วมมือขับเคลื่อนเมนูชูสุขภาพ หวานน้อยสั่งได้
- กรมอนามัย
- 54 View
- อ่านต่อ
คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เห็นชอบมาตรการสงกรานต์ 3 ต “ตระเตรียม - ติดตาม - ตักเตือน” พร้อมกำชับพื้นที่เฝ้าระวังด่านชุมชน และบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เพื่อลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้
วานนี้ (17 มีนาคม 2568) ที่ห้องประชุมประเมิน จันทวิมล กรมควบคุมโรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์สุทัศน์ โชตนะพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมการประชุม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2568 เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงจากการดื่มแล้วขับ เนื่องจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญของการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ทั้งกับตัวผู้ดื่มและผู้อื่น จากข้อมูลของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน พบว่า การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 เกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น 2,044 ครั้ง (ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 7.22) โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2,060 คน และเสียชีวิต จำนวน 287 คน ซึ่งดื่มแล้วขับเป็นสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ ร้อยละ 22.7 ลดลงจากปี 2566 รถที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด คือ รถจักรยานยนต์ และข้อมูลจากระบบรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ กระทรวงสาธารณสุข (PHER Plus) พบว่า อัตราผู้ใช้รถใช้ถนนดื่มขับล้มเอง (บาดเจ็บและเสียชีวิต) จากอุบัติเหตุทางถนนภาพรวมทั่วประเทศ เทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 พบว่า รถจักรยานยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุร้อยละ 91.32 เป็นผู้ที่ดื่มแล้วขับ และพบว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ดื่มแล้วขับเกิดอุบัติล้มเอง จำนวน 2,160 ราย (ร้อยละ 46.94 ของจำนวนจักรยานยนต์ที่ดื่มแล้วขับ)
ด้านนายแพทย์ภาณุมาศ กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะคงยึด 4 มาตรการหลักควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ 1) มาตรการขับเคลื่อนแบบบูรณาการ 2) มาตรการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ 3) มาตรการป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงระดับชุมชน และ 4) มาตรการการบังคับใช้กฎหมาย ภายใต้แนวคิด 3 ต “ตระเตรียม - ติดตาม - ตักเตือน” โดยประสานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ให้ดำเนินมาตรการเข้าถึงชุมชนแบบ “เคาะประตูบ้าน” รณรงค์มาตรการ “3 ต : ตระเตรียม - ติดตาม - ตักเตือน” ดำเนินการกับ 15 ครัวเรือนที่รับผิดชอบ เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับครัวเรือนเป้าหมายในการดูแล ได้แก่ ครัวเรือนที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/ครัวเรือนที่มีการตั้งวงดื่มแอลกอฮอล์/ครัวเรือนที่มีเยาวชนขับขี่รถจักรยานยนต์ ดังนี้ 1. ตระเตรียม ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี 2. ติดตาม ดูแลห่วงใยความปลอดภัยในชุมชน ขอความร่วมมือผู้ปกครองดูแลบุตรหลาน และคนในครอบครัวเรื่องการขับขี่อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะการขับขี่รถจักรยานยนต์ รวมถึงให้ความสำคัญกับประเด็น “ดื่มไม่ขับ” / “ขับขี่ปลอดภัย ระวังอันตรายจากถนนเปียกลื่น” เป็นต้น 3. ตักเตือน ผู้มีความเสี่ยงอุบัติเหตุ โดย อสม. เป็นผู้ให้ความรู้วิธีการสังเกตและประเมินอาการมึนเมาสุราเบื้องต้นให้กับคนในชุมชนหรือเจ้าหน้าที่ประจำด่านชุมชน เพื่อให้เข้าใจและสามารถนำวิธีการไปใช้สังเกตผู้มึนเมาสุรา เพื่อตักเตือนผู้มึนเมาสุราไม่ให้ขับขี่ยานพาหนะ ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ โดยจะเสนอคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อทราบต่อไป
นอกจากนี้ ในที่ประชุมได้มีการพิจารณาเห็นชอบ ให้มีการแก้ไขปรับปรุงร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังคงให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉพาะ 2 ช่วงเวลา ได้แก่ 11.00 - 14.00 น. และ 17.00 - 24.00 น. เช่นเดิม โดยกำหนดข้อยกเว้นการขายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ และการขายในสถานบริการซึ่งเป็นไปตามกำหนดเวลาเปิดปิดของสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ ทางคณะกรรมการได้พิจารณาแก้ไขข้อความจาก “อาคารท่าอากาศยานนานาชาติ” เป็น “อาคารที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ” และเพิ่มข้อยกเว้น สำหรับการขายในโรงแรม ตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมเท่านั้น โดยจะนำร่างประกาศดังกล่าวไปรับฟังความคิดเห็นและดำเนินการตามขั้นตอน ของกฎหมายต่อไป
**********************************
ข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค
วันที่ 18 มีนาคม 2568