รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมผู้บริหารระดับสูง เห็นชอบนำเสนอ ครม.พิจารณาประกาศเดือนพฤษภาคมเป็นเดือนแห่งสุขภาพใจ หรือ "Mind Month" และเป็นวาระชาติ เหตุแนวโน้มผู้ป่วยจิตเวชเพิ่มขึ้น เยาวชนเสี่ยงซึมเศร้า เครียดและเสี่ยงฆ่าตัวตายสูง เล็งจัดคิกออฟที่ทำเนียบรัฐบาล กระตุกสังคมสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางใจ ลดตีตราโรคทางจิตเวช ส่วน อสม. 1.07 ล้านคน นับคาร์บครบ 100% ชวนประชาชนนับคาร์บได้ถึง 17 ล้านคน

วันนี้ (5 มีนาคม 2568) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 3/2568 ร่วมกับ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร พร้อมกล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบการผลักดัน Mind Month ให้เป็นวาระสำคัญระดับชาติ โดยจะนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม. และประกาศให้เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนแห่งสุขภาพใจ เนื่องจากสถานการณ์ปัญหาด้านสุขภาพจิตของประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น ผู้ป่วยจิตเวชและสารเสพติดที่มารับบริการเพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านคน ในปี 2563 เป็น 3.5 ล้านคนในปี 2567 ขณะที่การประเมินสุขภาพใจผ่านระบบ Mental Health Check In ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 - 20 กุมภาพันธ์ 2568 รวม 6.15 ล้านคน พบเสี่ยงซึมเศร้าถึง 9.14% เครียดสูง 7.87% และเสี่ยงฆ่าตัวตาย 5.18% โดยกลุ่มอายุ 20-29 ปี มีอัตราความเสี่ยงสูงสุดในทุกด้าน คาดการณ์ว่ามีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอายุ 15 ปีขึ้นไปถึง 1.35 ล้านคน  ขณะที่สถานการณ์การฆ่าตัวตาย ในปี 2567 พบ 5,217 ราย คิดเป็น 8.02 ต่อแสนประชากร

"เดือนแห่งสุขภาพใจจะเป็นช่วงเวลาที่จัดขึ้นเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความสำคัญของสุขภาพจิตผ่านการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจ และลดการตีตราที่เกี่ยวข้องกับโรคทางจิตเวช โดยองค์กร ชุมชน และบุคคลต่างๆ จะร่วมมือกันให้ความรู้ต่อสาธารณะ เน้นย้ำถึงสัญญาณของปัญหาสุขภาพจิตและวิธีการขอความช่วยเหลือ สร้างความเข้าใจและสนับสนุนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสุขภาพจิต ตลอดจนแบ่งปันทรัพยากร สนับสนุนนโยบายที่ส่งเสริมการดูแลสุขภาพจิต สร้างพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่ช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพจิตที่ดี โดยจะมีการจัดกิจกรรมคิกออฟที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเชิญนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน" นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกล NCDs โดย อสม. 1.07 ล้านคน นับคาร์บได้ด้วยตนเองครบ 100% ชวนประชาชนนับคาร์บได้กว่า 17 ล้านคน คาดว่าจะบรรลุเป้าหมาย 20 ล้านคน ในวันที่ 20 มีนาคม นี้ ซึ่งจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและบันทึกสุขภาพผ่านแอปพลิเคชันของ อสม.กว่า 9 หมื่นคน พบว่า ลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 2.89 กิโลกรัมต่อคน ส่วนการจัดตั้งศูนย์ป้องกันโรคไม่ติดต่อในชุมชน ดำเนินการครบ 878 แห่ง จัดตั้งคลินิก NCDs รักษาหายในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปครบ 135 แห่ง และโรงพยาบาลชุมชน 738 แห่ง และศูนย์คนไทยห่างไกล NCDs 3,287 ตำบล สำหรับความก้าวหน้าของการจัดอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน Expo 2025 Osaka Kansai ระหว่างวันที่ 13 เมษายน - 13 ตุลาคม 2568 ที่ประเทศญี่ปุ่น  ในวันที่ 18 มีนาคม 2568 จะจัดแสดงอาคารนิทรรศการไทย ที่โถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และสื่อมวลชน ได้รับชม ภายใต้ธีม 1-1,000,000 มนต์เสน่ห์ประเทศไทย คือ 1 หมุดหมายสุขภาพโลก 10 มนต์เสน่ห์ของประเทศไทย 100 ศักยภาพสาธารณสุขไทย 1,000 สถานบริการทางการแพทย์ 10,000 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ 100,000 ผลิตภัณฑ์สร้างภูมิคุ้มกัน และ 1,000,000 รอยยิ้มแห่งความประทับใจ

 ******************************************** 5 มีนาคม 2568

 



   
   


View 989    05/03/2568   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ