นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังทีมผู้บริหารกรมอนามัยและมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กเข้าพบเมื่อเช้าวันนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2553 ) ที่กระทรวงสาธารณสุข ว่า วันนี้ได้หารือในเรื่องการผลักดันโครงการหนังสือเล่มแรกหรือบุ้ค สตาร์ท ( Bookstart) ให้เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมและมีผลในทางปฏิบัติที่ชัดเจน หลังจากเริ่มทดลองนำร่องไปแล้วระยะหนึ่ง และติดตามวิจัยประเมินผล ผลปรากฏชัดเจนแล้วว่ามีผลดี จากการที่พ่อแม่ได้อ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่เริ่มคลอด โดยจะมีผลต่อเด็กทั้งพัฒนาการด้านร่างกาย สมองและจิตใจ เด็กได้รับความความอบอุ่นจากครอบครัว และเมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่พ่อแม่ไม่ได้อ่านหนังสือให้ฟังตั้งแต่เริ่มคลอด พบว่าจะมีพัฒนาการช้ากว่ามาก ซึ่งมีตัวเลขทางวิชาการยืนยันชัดเจน กระทรวงสาธารณสุข จะร่วมมือกับมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก เดินหน้าโครงการนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมครอบคลุมทั่วประเทศนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป โดยโครงการหนังสือเล่มแรกที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมไว้ มี 3 เล่ม เล่มที่ 1 ชื่อตั้งไข่ล้ม จะมอบให้ทันทีในสถานพยาบาลที่เด็กคลอด เช่นที่สถานีอนามัย โรงพยาบาล เล่มที่ 2 ชื่อ ติ๊กต่อก มอบให้เมื่อเด็กอายุครบ 6 เดือน และเล่มที่ 3 เป็นนิทานอีสป มอบให้เมื่อเด็กอายุครบ 1 ขวบ โดยจะเตรียมหนังสือไว้ให้พอกับเด็กที่เกิดใหม่ซึ่งมีปีละประมาณ 8 แสนคน นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่จะต้องดำเนินการหลังจากได้แจกหนังสือไปแล้วก็คือ กระบวนการอบรมให้พ่อแม่ได้ทราบว่าการอ่านหนังสือให้ลูกฟังนั้นต้องทำอย่างไร ทำเมื่อใด และวิธีไหน ซึ่งจะมีรายละเอียด เช่น จะต้องอ่านให้ลูกฟังขณะที่นำลูกมานั่งตักและกอดไว้ ถือหนังสือและอ่านให้ลูกฟัง และต้องออกเสียงสูงเสียงต่ำ มีท่าทางประกอบเพื่อให้ลูกสนใจ เป็นการปลูกฝังเด็กไปในตัวตั้งแต่เริ่มต้น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะอบรม อสม. พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่อยู่ประจำตามหมู่บ้าน ตำบล และโรงพยาบาลต่างๆ ในเร็วๆนี้ เพื่อให้คำแนะนำกับพ่อแม่ที่คลอดลูกให้เข้าใจพร้อมกับรับหนังสือไปด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเด็กทั้งด้านร่างกาย สมอง และสภาพจิตใจด้วยในอนาคต นายจุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หนังสือในโครงการหนังสือเล่มแรก 3 เล่มหลักนี้ เป็น 3 เล่มที่จุดประกายในการที่ให้พ่อแม่ให้ความสำคัญในการอ่านหนังสือให้ลูกฟัง และไม่จำเป็นจะใช้เฉพาะ 3 เล่มนี้ พ่อแม่สามารถหาหนังสืออื่นมาอ่านให้ลูกฟังเพิ่มเติมได้ ขณะนี้ศูนย์หนังสือของรัฐที่ให้บริการอยู่ใน ชุมชน หมู่บ้าน ตำบลมีมากขึ้น เช่น กศน.ตำบล ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้จะมีครบทุกตำบลทั่วประเทศ และจะมีศูนย์หนังสืออยู่ด้วย ซึ่งสามารถยืมหนังสือมาอ่านให้ลูกฟังได้ หรือยืมจากห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดประชาชนที่ให้บริการฟรี มาอ่านให้ลูกฟังได้ เพราะทุกห้องสมุดมีนโยบายต้องมีหนังสือสำหรับเด็กอยู่ด้วย ทั้งนี้ผลการศึกษาสมรรถนะของเด็กอายุ 5-6 ปี ในโครงการหนังสือเล่มแรกทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 3 ด้านปรากฏผลดังนี้ คือ ด้านความคิด พบว่าเด็กในโครงการฯมีพัฒนาการด้านความคิดและสติปัญญาด้านความจำ สูงถึงร้อยละ 96 ขณะที่เด็กทั่วไปมีเพียงร้อยละ 54 ด้านภาษาการและการสื่อความหมายพบว่าเด็กในโครงการฯมีพัฒนาการด้านภาษาการเข้าใจการใช้ภาษาสูงถึงร้อยละ 96 ขณะที่เด็กทั่วไปมีร้อยละ 46 ส่วนด้านสุขภาวะทางกายและความเคลื่อนไหวพบเด็กในโครงการฯช่วยเหลือและดูแลตนเองได้สูงถึงร้อยละ 99 ส่วนเด็กทั่วไปมีร้อยละ 88 ******************************** 18 กุมภาพันธ์ 2553


   
   


View 28    18/02/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ