โรงพยาบาลร้อยเอ็ดจัดประชุมการวิชาการ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้การใช้เครื่องช่วยหายใจ ในหอผู้ป่วยวิกฤตและเครื่องติดตามการทำงานของหัวใจ
- โรงพยาบาลร้อยเอ็ด
- 28 View
- อ่านต่อ
จังหวัดยโสธรจัดยิ่งใหญ่ รวมพลัง เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15.30 น. นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานเปิดกิจกรรมเดินวิ่ง ตามโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดยโสธร นายสุวัฒน์ เข็มเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร คณะผู้บริหารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนชาวยโสธรเข้าร่วมกิจกรรมเดิน วิ่ง กว่า 1,500 คน ณ บริเวณสวนสาธารณะบุ่งน้อย–บุ่งใหญ่ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร
การจัดงานของจังหวัดยโสธร ประกอบด้วยกิจกรรม การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การจัดนิทรรศการให้ความรู้โรคหลอดเลือดสมอง การเขียนคำปณิธานทำความดี และพิเศษคือจังหวัดยโสธรได้ให้ผู้ร่วมงานแปรอักษร หมายเลข 10 เพื่อถวายความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อนการออกกำลังกาย เดิน วิ่ง ระยะทาง 4 กิโลเมตร โดยจังหวัดยโสธร มีสนามวิ่งทั้งหมด 6 สนามคือ สนามอำเภอเมืองยโสธร สนามอำเภอมหาชนะชัย สนามอำเภอเลิงนกทา และสนามอำเภอกุดชุม สนามอำเภอไทยเจริญ สนามอำเภอค้อวัง
โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ประธานในพิธี เปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวคำถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ และนำผู้ร่วมกิจกรรมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นนายแพทย์รัฐศาสตร์ สุดหนองบัว รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงานต่อประธานในพิธี จากนั้นประธานกล่าวเปิดงาน เมื่อเสร็จพิธีเปิดกิจกรรมแล้วทุกคนได้อบอุ่นร่างกายพร้อมกัน และประธานทำการยิงแตรลมปล่อยตัวผู้ร่วมเดินวิ่งตามเส้นทางที่กำหนด ซึ่งจังหวัดยโสธรได้จัดกิจกรรมได้อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทย ในการรักษาสุขภาพ และการออกกำลังกาย โดยกิจกรรมในงานเน้นสร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกัน ดูแล และรักษาโรคหลอดเลือดสมอง โดยบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมจัดกิจกรรม ตามโครงการ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติ การจัดกิจกรรมในหัวข้อ “คนไทยสมองดี” (Healthy Thais : Healthy Brains)” จัดพร้อมกันทั่วประเทศ
สำหรับ สถานการณ์โรคหลอดเลือดสมอง จังหวัดยโสธร พบว่า จากรายงานการศึกษาโรคและการบาดเจ็บของประชากรไทยพบว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิต จากโรคหลอดเลือดและหัวใจทั่วโลกประมาณ 16.7 ล้านคนต่อปี ในจำนวนนี้เกิดจากโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 5.5 ล้านคน ในประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 1,880 คน ต่อประชากรจำนวนหนึ่งแสนคน หรือร้อยละ 2 ซึ่งถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่ง นอกจากนั้นโรคนี้ยังมีอัตราความพิการสูง จากการศึกษาในประเทศไทยพบว่าในผู้ป่วย 100 คน ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จะเสียชีวิตร้อยละ 5 และพิการร้อยละ 70 ซึ่งหากประชาชนได้รับความรู้ทั้งแนวทางป้องกัน และสามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกวิธี โรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ ร้อยละ 90 เพียงปรับพฤติกรรมเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง สำหรับจังหวัดยโสธร 3 ปีย้อนหลัง พบอัตราป่วยรายใหม่และอัตราตายด้วย โรคหลอดเลือดสมอง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในปี 2567 พบผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 1,583 ราย คิดเป็นอัตราป่วยรายใหม่ 299.31 ต่อประชากรแสนคน
อย่างไรก็ตามมีข้อแนะนำสำหรับประชาชนในการตระหนักรู้ถึงอาการหรือสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต) ด้วยตนเองตามหลักการ F.A.S.T ดังนี้ F (Face) ใบหน้าชาหรืออ่อนแรง หน้าเบี้ยว มุมปากตกข้างหนึ่ง ตามัวเห็นภาพซ้อน A (Arm) แขนหรือขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง ยกแขนหรือขาไม่ขึ้นหรือยกได้น้อยลง กำมือได้ลดลง ชาตามแขนขาหรือรู้สึกน้อยลง เดินเซ S (Speech) พูดลำบาก พูดไม่ชัด มึนงงสับสน และมีปัญหาในการพูด T (Time) ต้องรีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดทันที และโทรสายด่วน 1669 สิ่งสำคัญคือ หากพบอาการดังกล่าวข้างต้น แม้ไม่แน่ใจว่าเกิดจากโรคหลอดเลือดสมองหรือไม่ก็ควรพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้รับการวินิจฉัย รักษาและฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติมากที่สุด จะช่วยลดการเสียชีวิตและความพิการได้ ดังนั้น ขอเน้นว่าเร็วที่สุด ยิ่งรักษาเร็วจะมีโอกาสหายมาก ผลแทรกซ้อนต่ำ และความพิการน้อยลง