วันนี้ (25 มกราคม 2553) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่2009 ให้กลุ่มเสี่ยง ที่สถาบันบำราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี และฉีดวัคซีนเป็นตัวอย่าง เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมาฉีดวัคซีนมากขึ้น หลังจากพบว่าในรอบ 10 วันที่ผ่านมา กลุ่มเสี่ยงเป้าหมาย 5 กลุ่ม เข้ารับบริการฉีดเพียง 4 หมื่นกว่าราย ต่ำกว่าเป้าหมายมาก นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังฉีดวัคซีนรู้สึกเป็นปกติดี จนถึงเวลานี้น่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีผลข้างเคียงสำหรับตนเองแต่อย่างใด ผมเคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลมาแล้ว ไม่มีอาการแพ้แต่อย่างใด ส่วนเรื่องความมั่นใจในการฉัดวัคซีนนั้น ผู้เชี่ยวชาญยืนยันชัดเจนว่าอยู่ในระดับที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งเทียบเคียงได้กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั่วไปที่เคยฉีดมาหลายสิบปีมาแล้ว และผู้ที่จะให้ความมั่นใจได้ดีที่สุดอีกคือองค์การอนามัยโลก ซึ่งวัคซีนที่เราสั่งนำเข้ามานี้ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกชัดเจน ประเทศที่เรานำเข้าก็เป็นประเทศฝรั่งเศสที่ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก ส่วนเรื่องที่กรมควบคุมโรคได้รายงานเกี่ยวกับผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน 4 รายนั้น ได้รับรายงานแล้ว คือมี 2 ราย ได้แก่ กรณีปากเบี้ยวและกรณีไตวายเฉียบพลัน ได้รับคำยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าไม่น่าจะเกิดจากวัคซีน ส่วนกรณีที่มีอาการหายใจติดขัดเบื้องต้นน่าจะเกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีน ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงเป็นที่มาที่ต้องกำหนดมาตรการชัดเจนและรัดกุมกว่าการฉีดวัคซีนทั่วไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก่อนฉีดต้องมีการตรวจสุขภาพของผู้ที่จะมารับวัคซีนก่อน หลังฉีดวัคซีนแล้วให้นั่งพัก 30 นาทีที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าระวังอาการข้างเคียง กรณีที่ตรวจพบว่ามีอาการหายใจติดขัด เป็นรายที่ติดตามหลังฉีด 30 นาที ซึ่งแพทย์ให้การดูแลจนเป็นปกติแล้ว ยังคงเหลือ 1 ราย ที่ลูกเสียชีวิตหลังคลอด ภายในสัปดาห์นี้น่าจะทราบข้อเท็จจริงว่าเกิดจากอะไร จากการสอบประวัติเบื้องต้นพบว่ามารดามีภาวะครรภ์เป็นพิษอยู่ก่อนแล้ว นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ในภาพรวมทั่วไปวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาฉีดให้ประชาชนเป็นวัคซีนที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรอง ซึ่งวันนี้ได้ประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ให้เร่งรัดรณรงค์ฉีดวัคซีนให้เสร็จในเดือนมกราคม – มีนาคม ตามเป้าหมาย แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือนเพิ่งฉีดไปได้เพียง 40,000 กว่าราย ยังขาดอีกกว่า 1.9 ล้านราย จึงได้กำชับให้ผู้ตรวจราชการทุกเขต และให้คณะกรรมการบูรณาการประจำจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และสาธารณสุขจังหวัดร่วมรับผิดชอบด้วย ให้รณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยงทั้ง 5 กลุ่ม ให้มาฉีดวัคซีนป้องกันโรค ภายในเดือนมีนาคมให้ครบ โดยเฉพาะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ควรเป็นกลุ่มแรกที่ฉีดเป็นตัวอย่าง “สำหรับผมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากต้องปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุข ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาล น่าจะถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน และมาฉีดเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าฉีดแล้ว สำหรับผมก็ไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด” นายจุรินทร์กล่าว ******************************** 25 มกราคม 2553


   
   


View 9    25/01/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ