รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามผลการกระจายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ทั่วประเทศ ขยายเวลาเปิดรับสมัครอีก 2 สัปดาห์ จนถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2552 ตั้งเป้าให้มีคลินิกเป็นพันธมิตรครบทุกอำเภอ เพื่อรับมือการระบาดที่คาดว่ายังจะขยายตัวต่อไปอีกหลายเดือน และให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขหาความร่วมมือร้านขายยาทุกจังหวัด ร่วมเป็นเครือข่ายส่งต่อผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงรักษา
วันนี้(4 สิงหาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขต เพื่อประเมินสถานการณ์ความคืบหน้าของการขยายเครือข่ายการดูแลผู้ป่วยให้คลินิกในต่างจังหวัด เข้าร่วมโครงการดูแลผู้ป่วยรวมถึงการจ่ายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ เพื่อลดการเสียชีวิตของประชาชนจากไข้หวัดใหญ่ 2009 และให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายจัดการโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เน้นยุทธศาสตร์ 2 ลด ได้แก่ ลดการติดเชื้อให้จำนวนผู้ป่วยลดลง และลดการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด และ 3 เร่ง ได้แก่ การให้อสม.เร่งให้ความรู้ คำแนะนำและค้นหาผู้ป่วยในชุมชน เร่งเผยแพร่ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรค และเร่งการบริหารจัดการสู่ภูมิภาค เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ที่มีแนวโน้มกระจายต่างจังหวัดมากขึ้นและโรคยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นเรื่อยๆ
นายวิทยากล่าวว่า จากการติดตามผลการรับสมัครคลินิกเข้าร่วมโครงการเป็นเครือข่ายบริการจ่ายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ทั่วประเทศ พบเข้าร่วมโครงการได้รับการอบรมแนวทางการดูแลรักษาตามมาตรฐานที่คณะแพทย์กำหนด คลินิกที่พร้อมรับยาต้านไวรัสฯแล้วแห่งละ 50 เม็ด บางจังหวัดอยู่ระหว่างการประชุม โดยจะขยายเวลารับสมัครออกไปอีก 2 สัปดาห์ ถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2552
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงให้ได้มากที่สุด กระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายจะเพิ่มคลินิกเอกชนให้เป็นพันธมิตรในการร่วมให้บริการรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ให้ครบทุกอำเภอ อย่างน้อยอำเภอละ 1 แห่ง เพื่อรับมือกับการระบาดที่จะยังคงแพร่ขยายต่อไป ซึ่งจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ยังได้มอบนโยบายให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขต จัดประชุมร้านขายยา ซึ่งมีจำนวนมาก เพื่อขอความร่วมมือให้ร่วมเป็นเครือข่ายในการแนะนำให้ผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้อย่างทันท่วงที
อย่างไรก็ดี จากการประเมินสถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แนวโน้มโรคขยายตัวจากเขตเมืองลงสู่เขตชนบท ขอให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดให้ความสำคัญ ในการเฝ้าระวัง ควบคุมป้องกันโรคโดยเร็ว โดยได้สั่งการให้สถานีอนามัย โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน ให้ความเอาใจใส่แก่กลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ และคนอ้วน พร้อมทั้งให้อสม.ในพื้นที่ ช่วยติดตามเฝ้าระวังกลุ่มดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้อสม.ได้ตระเวนออกให้ความรู้ค้นหาผู้ป่วยในชุมชนทุกวันจันทร์ พุธและศุกร์ มั่นใจว่ามาตรการลดการติดเชื้อและลดจำนวนผู้เสียชีวิตจะเข้าสู่ระบบที่เข็มแข็งและรัดกุมมากขึ้น
View 12
04/08/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ