รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงพื้นที่ชัยนาท รณรงค์ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พร้อมระดมพลังอสม.กว่า 980,000 คน ทั่วประเทศเยี่ยมบ้านสัปดาห์ละ 3 วัน ให้ความรู้ในการป้องกันโรคและค้นหาผู้ป่วย เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2552นี้เป็นต้นไป
วันนี้(29 กรกฎาคม 2552)นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปเปิดการรณรงค์รู้ทันเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ศาลากลาง จังหวัดชัยนาท โดยมอบคู่มือประชาชนป้องกันตนเองจำนวน 65,000 เล่ม หน้ากากอนามัย จำนวน 250,000 ชิ้น น้ำยาฆ่าเชื้อโรคชนิดเข้มข้น 400 ลิตร มอบให้โรงเรียนในจังหวัดชัยนาท 200 แห่ง เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อในโรงเรียน และมอบนโยบาย อสม. ในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ในหมู่บ้าน/ชุมชน
นายมานิต กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ คณะผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมป้องกันโรค ได้คาดการณ์การแพร่ระบาดจะขยายตัวไปทั่วประเทศและอาจยาวนานถึง 2 ปี ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข จึงได้เร่งรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนมีพฤติกรรมการป้องกันตนเอง ด้วยการใส่หน้ากากอนามัยเมื่อป่วยเป็นไข้หวัดหรือโรคติดเชื้ออื่นๆ ที่ติดต่อกันได้ทางการไอจาม เช่น วัณโรค และใส่ป้องกันตัวเองเมื่อต้องอยู่ในที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก หรืออยู่ในที่ที่การระบายอากาศไม่ดี จากข้อมูลองค์การอนามัยโลกพบว่า การใส่หน้ากากอนามัยจะช่วยกรองเชื้อโรคและลดการแพร่กระจายเชื้อโรคที่อยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูกน้ำลาย จากการไอ จาม ไปสู่คนอื่นได้ถึงร้อยละ 90 หากล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังการไอ จาม หรือสัมผัสน้ำมูก ควบคู่ไปด้วย จะช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคติดต่อทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ได้ผลดี
นายมานิต กล่าวต่อไปว่า ในวันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม 2552 นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มระดมพลังอสม.ทั่วประเทศซึ่งมีกว่า 980,000 คน ออกเยี่ยมบ้านในความรับผิดชอบ 10-15 หลังคาเรือน มีเป้าหมายค้นหาผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเกิดอาการรุนแรง ได้แก่ ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด หอบหืด หัวใจ เบาหวาน ไต ผู้ที่อ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กเล็กต่ำกว่า 2 ปี หญิงตั้งครรภ์ เป็นต้น ปฏิบัติการสัปดาห์ละ 3 วัน โดยจะให้คำแนะนำการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ตามคู่มือของกระทรวงสาธารณสุขด้วย เพื่อให้ประชาชนที่ป่วยสามารถปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้องและหายป่วย หากพบคนในหมู่บ้านป่วย มีอาการรุนแรงหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรง อสม.จะแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที และแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ ส่วน อสม.จะติดตามอาการผู้ป่วยทุกวันจนกว่าจะหายเป็นปกติ วิธีนี้จะทำให้ประชาชนอุ่นใจและลดการเสียชีวิตได้
สำหรับมาตรการการรักษา เน้นย้ำให้สถานพยาบาลทุกแห่ง ให้การรักษาผู้ป่วยอย่างรวดเร็วเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ไม่มีโรคประจำตัว หากมีอาการไข้ร่วมกับอาการหวัด หลังกินยาลดไข้แล้วไม่ดีขึ้นภายใน 2 วันหลังเริ่มป่วย ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที ส่วนกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงหลังป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ หากมีอาการร่วมกับอาการหวัดต้องรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที ไม่ควรซื้อยาลดไข้กินเอง ซึ่งคนทั้งสองกลุ่มนี้ต้องได้กินยาต้านไวรัส ภายใน 48 ชั่วโมงหลังเริ่มป่วย ซึ่งยาดังกล่าวจะให้ผลดีมากในการรักษา และใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมียาต้านไวรัสเพียงพอสำหรับประชาชนที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ทุกคน นายมานิตกล่าว
***********************************29 กรกฎาคม 2552
View 15
29/07/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ