กระทรวงสาธารณสุข เผยประชาชนโทรสอบถามสายด่วนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ 1422 และ 0-2590 -3333 ตลอดวานนี้กว่า 2,000 สาย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องอาการ การรักษา ชี้สถานการณ์โรคของประเทศไทยไม่ได้เลวร้ายกว่าที่อื่นเหมือนที่หลายฝ่ายวิตก ระบุเหตุที่จำนวนคนป่วยยืนยันมาก เป็นผลมาจากการทุ่มเททำงานของเจ้าหน้าที่ เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการมาก นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยความคืบหน้าการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 ว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขเปิดสายด่วนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ทางหมายเลข 0-2590-3333 และ 1422 บริการตลอด 24 ชั่วโมง พบว่าได้รับความสนใจจากประชาชน โทรสอบถามจำนวนมาก ตลอดวานนี้มีทั้งหมด 2,112 สาย เฉลี่ยนาทีละ 1 สาย ส่วนใหญ่มีความสงสัยเรื่องอาการป่วยและการรักษา นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ จะมีอาการคือ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล เบื่ออาหาร บางรายอาจมีอาเจียน ท้องเสียร่วมด้วย ผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 90 มีอาการเล็กน้อย อาการจะทุเลาลงตามลำดับ คือ ไข้ลดลง ไอน้อยลง รับประทานอาหารได้มากขึ้น และหายป่วยได้เองภายใน 3-5 วัน โดยให้พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่หากมีอาการซึมหรืออ่อนเพลียมาก รับประทานอาหารไม่ได้ อาเจียน ไอมาก เจ็บหน้าอก หายใจเร็ว หรือเหนื่อย ต้องรีบไปพบแพทย์ หรือเมื่อครบ 48 ชั่วโมงแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ก็ให้ไปพบแพทย์เช่นกัน นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ทางด้านรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ขอให้ผู้ที่ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ที่พักรักษาตัวที่บ้าน อย่าออกนอกบ้านหรือไปทำงาน ยกเว้นไปพบแพทย์เมื่ออาการไม่ดีขึ้น ส่วนการดูแลตนเองที่บ้านจะเหมือนกับโรคไข้หวัดทั่วไป คือนอนพักผ่อนมากๆ ในห้องที่อากาศถ่ายเทสะดวก ดื่มน้ำสะอาดและน้ำผลไม้มากๆ งดดื่มน้ำเย็นจัด รับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล ห้ามใช้ยาแอสไพริน และรับประทานยารักษาตามอาการ เช่น ยาละลายเสมหะ ตามคำแนะนำของเภสัชกร ทางด้านนายแพทย์คำนวน อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ความรุนแรงโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ของไทย ในขณะนี้ไม่ได้เลวร้ายที่สุดในโลก เหมือนที่หลายฝ่ายวิตก สาเหตุที่ไทยมีรายงานจำนวนผู้ยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่และผู้เสียชีวิตมากขึ้นทุกวัน เป็นผลมาจากการทำงานเฝ้าระวังอย่างเข้มแข็งของเจ้าหน้าที่ เพื่อเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งผู้ป่วยรายที่สงสัยส่งตรวจ โดยในการเปรียบเทียบสถานการณ์กับประเทศอื่นๆ ตามหลักสากลและทางวิชาการ จะดูจากจำนวนผู้เสียชีวิตต่อประชากรล้านคน ซึ่งขณะนี้ไทยมีผู้เสียชีวิต 24 ราย คิดเป็นผู้เสียชีวิต 0.4 ต่อล้านประชากร ซึ่งน้อยกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีผู้เสียชีวิต 0.7 ต่อล้านประชากร ส่วนที่แคนาดามีผู้เสียชีวิต 1.2 ต่อล้านประชากรและอีกหลายประเทศในทวีปอเมริกาใต้ สำหรับสถานการณ์ของประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2552-15 กรกฎาคม 2552 มีผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 4,469 ราย เสียชีวิตเท่าเดิม 24 ราย เฉพาะวันนี้ได้รับผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการเพิ่ม 412 ราย ส่วนสถานการณ์โลก องค์การอนามัยโลกรายงานถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2552 มีผู้ป่วยใน 136 ประเทศ รวม 94,512 ราย เสียชีวิต 429 ราย.......


   
   


View 17    15/07/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ