รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือร้านขายยาช่วยเป็นด่านแรกคัดกรองและให้คำแนะนำผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หากพบกลุ่มเสี่ยง เช่น ไข้สูง มีโรคประจำตัว หรืออ้วน รีบส่งรักษาต่อโรงพยาบาล เพื่อป้องกันอันตรายถึงชีวิต เตรียมประสานการสื่อสารแห่งประเทศไทย และบริษัทมือถือทุกค่าย ส่งคำแนะนำการปฏิบัติตัวป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ฯ ผ่านทางจดหมายและข้อความทางโทรศัพท์มือถือ วันนี้ (12 กรกฎาคม 2552) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานเปิดงาน อย.-ร้านยารวมใจสู่ภัยไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่โรงแรมเซ็นจูรี่ปาร์ค กทม. และเดินทางไปแจกหน้ากากอนามัยพร้อมเจลล้างมือ ที่ สนามมวยช่องเจ็ดสี ว่า ร้านขายยาเป็นที่พึ่งแรกของประชาชน เมื่อเจ็บป่วยเล็กน้อย มักไปขอคำปรึกษาและซื้อยามารับประทาน ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านขายยาทุกแห่ง เภสัชกรประจำร้าน ขอให้ช่วยซักประวัติและอาการผู้ที่ป่วยคล้ายไข้หวัดอย่างละเอียด หากมีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง หรือมีโรคประจำตัว มีภาวะอ้วน ให้แนะนำไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงจะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการร้านขายยาเป็นอย่างดี นายวิทยา กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขห่วงใยกลุ่มบุคคลที่มีโรคประจำตัว ที่มีความเสี่ยงจะเป็นอันตรายจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ขณะนี้มีอยู่ 2.4 ล้านคนทั่วประเทศ โดยมีข้อมูลผู้ป่วยที่โรงพยาบาลทั่วประเทศอยู่แล้ว ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย จัดส่งคำแนะนำข้อปฏิบัติตัวทางจดหมายให้แก่บุคคลกลุ่มดังกล่าว และให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านลงไปติดตามให้ผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำที่ส่งไปให้ โดยในวันพรุ่งนี้(13 กรกฎาคม 2552) จะได้ประสานกับบริษัทมือถือทุกค่าย ขอความร่วมมือส่งข้อความคำแนะนำการปฏิบัติตัวป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ฯ ไปยังเจ้าของโทรศัพท์ทุกหมายเลขอีกด้วย นายวิทยากล่าวต่อว่า สำหรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ขณะนี้ประเทศไทย ได้ให้องค์การเภสัชกรรมสั่งจองวัคซีนชนิดเชื้อตายไปยังบริษัทซาโนฟี่ จำนวน 2 ล้านโดส ในวงเงิน 10 ล้านยูโร ใช้งบรัฐบาลและงบจาก สปสช. จะได้วัคซีนประมาณต้นธันวาคม 2552 นี้ ส่วนวัคซีนชนิดเชื้อเป็นที่องค์การเภสัชกรรมจะเป็นผู้ผลิต อยู่ระหว่างรอเชื้อไวรัสต้นแบบจากองค์การอนามัยโลก ซึ่งได้มาจากประเทศรัสเซีย จะมาถึงไทยในวันที่ 16 กรกฎาคม 2552 นี้ หลังจากนั้นจะทำการผลิตวัคซีนเพื่อทดลองในสัตว์และในคนทันที คาดว่าจะได้ใช้ภายในปลายปีนี้แน่นอน ************************************************** 12 กรกฎาคม 2552


   
   


View 14    12/07/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ