คณะกรรมการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ เตรียมแผนสู้ภัยไข้หวัดใหญ่ในช่วง 3 เดือน ตั้งแต่ก.ค.-ก.ย. 2552 ใน 3 เรื่องหลักคือ คาดหน้ากากอนามัย การล้างมือ โดยจะจัดรณรงค์การคาดหน้ากากอนามัยครั้งใหญ่พร้อมกันทั่วประเทศในเร็วๆ นี้ พร้อมนำเสนอแผนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้านี้
วันนี้ (10 กรกฎาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ พร้อมด้วยนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธาธารณสุข ประชุมคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์โรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เป็นประธาน
พลตรีสนั่นกล่าวว่า ข่าวไข้หวัดใหญ่ขณะนี้มีความสับสนมาก จำเป็นที่อนุกรรมการผ่ายประชาสัมพันธ์ต้องทำความเข้าใจประชาชน แจ้งข่าวสารให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดที่คณะกรรมการได้ดำเนินการแก้ไขทั้งการป้องกันการติดตามต่อสู้เรื่องไข้หวัดใหญ่ หัวใจสำคัญคือการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องทั้งเรื่องการระบาด การป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ รวมทั้งการรักษาพยาบาลผู้ป่วย เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก ลดความวิตกกังวล ซึ่งนายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงเรื่องนี้มาก
ผลการประชุมคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ ได้กำหนดแผนระยะสั้น 3 เดือนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม กันยายน 2552 และแผนระยะยาว โดยแผนเร่งด่วนระยะสั้น กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพหลัก จะเน้น 3 เรื่อง ได้แก่ 1. หน้ากาอนามัยลดการแพร่เชื้อ 2. ล้างมือ ซึ่งเป็นเรื่องการป้องกันการติดโรค และ 3. ความรู้เรื่องโรค ซึ่งจะทำให้ประชาชนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้วย ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร โดยจะณรงค์การใส่หน้ากากอนามัย ในประเด็น เดอะ มาส ออฟ ฮีโร่ (The Mask of Hero) ทำพร้อมกันทั่วประเทศในเร็วๆ นี้ และมีการถ่ายทอดสด เพื่อให้ความรู้หน้ากากอนามัยแก่ประชาชน ซึ่งจะเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมไม่ให้โรคแพร่ระบาด นอกจากนี้จะมีการจัดรณรงค์ทำความสะอาดรอบ 2 และจะสำรวจความคิดเห็นประชาชนเพื่อประเมินความคืบหน้าของการรับรู้ของประชาชน นำมาปรับแก้ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่วนแผนระยะยาวกรมประชาสัมพันธ์จะเป็นเจ้าภาพหลักดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการเผยแพร่ผ่านทางสื่อทุกแขนง โดยที่ประชุมเห็นชอบแผน และมอบหมายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขดูในรายละเอียด และจะนำเข้าที่ประชุมครม.ในสัปดาห์หน้า ซึ่งรัฐบาลยินดีสนับสนุนงบประมาณเพื่อหาวิธีหยุดยั้งชะลอการระบาดของโรคให้ได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลจะเน้นที่การปรับปรุงระบบการรักษาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับการคาดประมาณทางวิชาการแนวโน้มสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทย โดยคณะผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ขณะนี้ไทยเข้าสู่การระบาดไข้หวัดใหญ่ประจำปี เชื้อที่พบร้อยละ 80 เป็นสายพันธุ์ตามฤดูกาล โดยเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จะแพร่กระจายเร็ว การติดต่อส่วนใหญ่ผ่านทางมือสัมผัสมากกว่าติดทางการหายใจ คาดว่าการระบาดจะใช้เวลาประมาณ 1-3 ปี จากนั้นจะเข้าสู่การเป็นเชื้อตามฤดูกาล ในปีนี้คาดว่าจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จะสูงกว่าปีก่อนๆ โดยมีผู้ติดเชื้อ 6-30 ล้านคน ผู้ป่วยมีอาการ 3-15 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยนอก 600,000 3,400,000 คน ผู้ป่วยที่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลประมาณ 30,000- 130,000 คน เสียชีวิต 300-1,200 คน ซึ่งกลุ่มผู้เสียชีวิต หากได้รับการรักษาที่เหมาะสมจะสามารถลดลงได้ร้อยละ 50 อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ในการลดความรุนแรงไม่ได้ขึ้นกับแพทย์หรือยาเท่านั้น แต่ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของประชาชน หากดูแลดี มีสุขภาพดี ก็จะสามารถต่อสู้กับโรคนี้ได้
ทางด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง การชุมนุมของเด็กนักเรียนประมาณ 5 แสนคนที่วัดธรรมกายในวันพรุ่งนี้ ว่า มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ เนื่องจากคนอยู่รวมกันจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุขได้ขอความร่วมมือกระทรวงศึกษาธิการให้ประสานวัดธรรมกาย แจกหน้ากากอนามัย เจลและสบู่ล้างมือให้เด็กด้วย และในวันนี้ได้รับแจ้งจากกระทรวงไอซีที จะเปิดสายด่วนไข้หวัดใหญ่ 1422 จำนวน 20 คู่สาย เพื่อให้ข้อมูลประชาชนเรื่องไข้หวัดใหญ่ตลอด 24 ชั่วโมง
อนึ่งในเย็นวันนี้ ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลสมุทรปราการว่ามีผู้เสียชีวิตยืนยันจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อีก 1 ราย เป็นหญิงสูงอายุวัย 63 ปี มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ มีไข้ 3 วันก่อนมารับการรักษาที่โรงพยาบาลบางบ่อในวันที่ 3 กรกฎาคม 2552 จากนั้นมีภาวะปอดบวม จึงส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมุทรปราการในวันที่ 5 กรกฎาคม 2552 อาการทรุดลง และเสียชีวิต จากภาวะไตวายและระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวในวันนี้
************************************ 10 กรกฎาคม 2552
View 7
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ