สธ.เผยการออกกำลังกาย ท่ามวยไทย ทำให้หุ่นดี โรคหัวใจ เบาหวานไม่ถามหา

กระทรวงสาธารณสุข เผยการออกกำลังกายแบบท่ามวยไทย เป็นวิธีใหม่ สามารถทำให้หุ่นดี สุขภาพแข็งแรง เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เผยหากออกกำลังกายด้วยวิธีนี้สัปดาห์ละ 3 วันๆ ละ 30 นาทีช่วยให้หัวใจ ปอด ทำงานดีขึ้น โรคหัวใจ โรคเบาหวานไม่ถามหา เย็นวันนี้ (29 มิถุนายน 2552) ที่สนามกีฬา จังหวัดราชบุรี นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดงานรวมพลคนรักสุขภาพมวยไทย จังหวัดราชบุรี โดยมีประชาชนจำนวน 3,000 คน จาก 10 อำเภอ เข้าร่วมออกกำลังกายด้วยรูปแบบมวยไทย เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง 30 นาที พร้อมมอบถ้วยรางวัลให้กับทีมมวยไทยที่ชนะเลิศในการประยุกต์ท่ามวยไทย การใช้หมัด เท้า เข่าและศอก ในการออกกำลังกาย นายมานิต กล่าวว่า จากรายงานสภาวะสุขภาพขององค์การอนามัยโลกในรอบ 7 ปีมานี้ พบว่า ร้อยละ 58 ของโรคเบาหวาน ร้อยละ 21 ของโรคหัวใจขาดเลือด และร้อยละ 8-42 ของโรคมะเร็งบางชนิด มีสาเหตุมาจากโรคอ้วนลงพุง ที่เกิดจากการสะสมอาหารในร่างกายในรูปของไขมัน โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว ซึ่งโดยมาตรฐานเส้นรอบเอว ผู้ชายไม่ควรเกิน 90 เซนติเมตร และผู้หญิงไม่ควรเกิน 80 เซนติเมตร ซึ่งจากการสำรวจมาตรฐานเส้น รอบเอวในคนไทย พบว่า มีคนไทยที่มีเส้นรอบเอวเกินมาตรฐานประมาณ 9 ล้านคน ในจำนวนนี้กลายเป็นโรคอ้วนลงพุงไปแล้วกว่า 6 ล้านคน เส้นรอบเอวที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 เซนติเมตร จะเพิ่มความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคเบาหวาน 3-5 เท่า เสี่ยงเกิดโรคหัวใจขาดเลือดประมาณ 5 เท่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งเสริมให้คนไทยรักการออกกำลังกายและมีวิถีการออกกำลังกายในทุกรูปแบบ ล่าสุดนี้พบว่าการออกกำลังกายด้วยรูปแบบมวยไทย ก็ทำให้สุขภาพแข็งแรง มีรูปร่างดี สมส่วนได้ไม่แพ้วิธีอื่น และยังเป็นการออกกำลังกายสัญชาติไทย แสดงออกถึงความเป็นไทย จากรายงานการศึกษาของสำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้การสนับสนุนของเครือข่ายวิจัยสุขภาพ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย พบว่า หากออกกำลังกายด้วยรูปแบบมวยไทยสัปดาห์ละ 3 วันๆ ละประมาณ 30 – 40 นาที ช่วยให้การทำงานของหัวใจ ปอด ดีขึ้น ระบบการไหลเวียนเลือดในร่างกายดีขึ้น การออกกำลังกายแบบมวยไทยนี้ เหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้เร่งสร้างทางเลือกให้ประชาชนที่รักการออกกำลังกาย ด้วยการให้ องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายหลายรูปแบบ เช่น การเต้นแอโรบิก การเดินเพื่อสุขภาพ การเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ การขี่จักรยาน หรือแม้แต่การทำงานบ้านงานสวน ซึ่งมีประโยชน์ทำให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรง และช่วยสร้างเสริมการมีกิจกรรมสัมพันธ์ในครอบครัวด้วยอีกทางหนึ่ง ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดใน พ.ศ. 2550 พบคนไทยอายุ 11 ปีขึ้นไป ออกกำลังกายร้อยละ 29.7 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากในปี 2546 ซึ่งมีร้อยละ 29 สวนใหญ่ร้อยละ 60 ใช้เวลาออกกำลังกาย 21-60 นาที ****************************29 มิถุนายน 2552