สาธารณสุข เผยแนวโน้มคนไทยวัยแรงงาน สูงอายุ ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เข้ารักษาตัวสูงขึ้น 3 5 เท่าตัวในรอบ 10 ปี คาดอีก 6 ปีจะมียอดค่ารักษาสะสมจากการเจ็บป่วยเรื้อรังประมาณ 52,150 ล้านบาท เร่งรณรงค์สื่อสารปลุกกระแสให้ใส่ใจ 3 อ. และบอกลา 2 ส. ลดความเสี่ยงเป็นโรค
วันนี้ (28 พฤษภาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้อำนวยการสำนักโรคไม่ติดต่อ แถลงข่าวการสื่อสารรณรงค์ป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ประจำปี 2552 เพื่อสร้างกระแสให้คนไทยรับรู้ภัยอันตรายของโรค พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้ถูกต้อง และลดละ เลิกปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค
นายมานิตกล่าวว่า ขณะนี้โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก สาเหตุเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันไม่เหมาะสมใน 5 เรื่องหลัก ได้แก่การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงแต่รับประทานผักผลไม้น้อยลง ไม่ออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า และความเครียดจากการทำงานและสภาพเศรษฐกิจ องค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี 2548 ประชากรทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคเหล่านี้ 35 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 60 ของผู้เสียชีวิตจากทุกสาเหตุ คาดว่าในอีก 6 ปีหรือในปี 2558 การเสียชีวิตจะเพิ่มเป็น 41 ล้านคน
สำหรับประเทศไทย ในปี 2550 จากคนไทยในทุกๆ 1 แสนคน จะมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด 55 คน และมีผู้ที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ด้วยโรคความดันโลหิตสูง 782 คน เบาหวาน 654 คน โรคหัวใจขาดเลือด 262 คน และโรคหลอดเลือดสมอง 206 คน แนวโน้มจำนวนผู้ป่วยสูงขึ้นจากปี 2540 ทุกโรคประมาณ 3 5 เท่าตัว คาดประมาณว่าโรคเรื้อรังดังกล่าวทำให้ไทยสูญเสียรายได้จากผลผลิตมวลรวมประชาชาติ หรือจีดีพี ในปี 2549 ประมาณ 4,200 ล้านบาท คาดในปี 2558 การสูญเสียสะสมจะเพิ่มถึง 52,150 ล้านบาท กระทรวงสาธารณสุขจึงต้องเร่งแก้ไข ป้องกัน โดยรณรงค์สร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนให้ดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงป่วย หากได้ผลดีจะลดการสูญเสียจีดีพีลงได้ร้อยละ 10 20
ด้านนายแพทย์ หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ถือเป็นภัยเงียบคุกคามสุขภาพคนไทย มีรากฐานมาจากเรื่องน้ำหนักตัว คือถ้าอ้วนแล้วจะมีโรคนี้ตามมา โดยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายในเรื่องระดับน้ำตาลและระดับไขมัน ซึ่งจะค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทีละน้อย และไม่แสดงอาการ กว่าที่โรคจะแสดงอาการผิดปกติให้เห็นอาจใช้เวลา 5-10 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ละคน และเมื่อป่วยเป็นโรคแล้ว ไม่มีวัคซีนหรือยาใดๆ ทั้งแผนปัจจุบันและสมุนไพรรักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยต้องกินยาควบคุมอาการไม่ให้กำเริบไปตลอดชีวิต ดังนั้นหัวใจของการป้องกันโรคนี้ก็คือการปรับแก้พฤติกรรมของประชาชนแต่ละคน โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาล สถานีอนามัยทั่วประเทศ รณรงค์ให้ข้อมูลความรู้ เพื่อปลูกฝังให้ประชาชนรักสุขภาพด้วย 3 อ. ได้แก่ กินอาหารที่มีไขมันน้อย ลดหวานและเค็ม เพิ่มผักผลไม้ ออกกำลังกายเป็นประจำวันละไม่ต่ำกว่า 30 นาที อย่างน้อยอาทิตย์ละ 5 วัน ซึ่งจะมีผลให้อารมณ์ไม่เครียดด้วย และบอกลา 2 ส. คือไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มสุรา หากปฏิบัติได้เป็นประจำก็มีความเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังน้อยลง
ทางด้านนายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้อำนวยการสำนักโรคไม่ติดต่อ กล่าวว่า กิจกรรมของโครงการรณรงค์ สื่อสารป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ในปี 2552 นี้ ประกอบด้วย การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ อินเตอร์เน็ต วิทยุ และโทรทัศน์ และจัดทำสื่อสิ่งพิมพ์ต้นแบบเกี่ยวกับการป้องกันโรคเรื้อรัง สนับสนุนหน่วยงานในสังกัดในภูมิภาค สำหรับจัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันความดันโลหิตสูงโลกและวันอัมพฤกษ์อัมพาตโลก ระหว่างวันที่ 17 24 พฤษภาคม วันหัวใจโลกซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน วันเบาหวานโลกซึ่งตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจประชาชนครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ จะมีการจัดประชุมวิชาการ การสื่อสารป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แก่บุคลากรสาธารณสุขผู้รับผิดชอบงานโรคไม่ติดต่อ จาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ และครู นักเรียน และสมาคมผู้ปกครองเขต กทม.ในวันที่ 12 มิถุนายน 2552 เพื่อนำไปขยายผลต่อ และการจัดนิทรรศการ 365 วันปลอดโรค ภายใต้ประเด็น ใส่ใจ 3 อ. บอกลา 2 ส. ต้านโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ งดสูบบุหรี่และลดการดื่มสุรา มีศิลปิน ดารา ดีเจ ร่วมจัดกิจกรรม การแสดง เกมตอบปัญหาชิงรางวัลที่สอดแทรกความรู้ บริการตรวจวัดความดันโลหิตและตรวจหาเบาหวานแก่ประชาชนทั่วไป ฟรี ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว บริเวณลานน้ำพุ ในวันที่ 11 มิถุนายน 2552 ตั้งแต่เวลา 11.00 น. 18.00 น.
*********************************** 28 พฤษภาคม 2552
View 14
28/05/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ