รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้มนโยบายการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอ เอช 1 เอ็น 1 ให้สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง เฝ้าระวังโรค ร่วมกับ อสม. พร้อมรณรงค์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอสม. ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสโรค แนะประชาชนทั่วไปรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ติดเชื้อ ล้างมือให้สะอาด และใช้หน้ากากอนามัยป้องกันไอ จามรดคนอื่น วันนี้( 23 พฤษภาคม 2552 )นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลเด่นชัยและโรงพยาบาลแพร่ จังหวัดแพร่โดยมอบนโยบายการดำเนินงานควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ให้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ และฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอสม. นายมานิต กล่าวว่า ขณะนี้หลายประเทศ กำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอ เอช 1เอ็น 1 อย่างต่อเนื่อง รวมถึงประเทศไทย ที่พบผู้ป่วยยืนยันในประเทศไทย จำนวน 2 ราย โดยติดเชื้อมาจากต่างประเทศ ถึงแม้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ จะไม่รุนแรงเท่าไข้หวัดนก มีอัตราการตายต่ำไม่ถึง ร้อยละ 1 แต่แพร่ระบาดจากคนสู่คนได้รวดเร็ว กระทรวงสาธารณสุขได้วาง 3 มาตรการหลัก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดในประเทศ ได้แก่ 1.ตรวจคัดกรองไข้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ทุกแห่ง 2.ค้นหาผู้ป่วยและให้การวินิจฉัย ตรวจรักษาอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ และ3.ประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ความเข้าใจประชาชน สามารถป้องกันตนเองได้ จนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เพิ่ม สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งมีอยู่ในประเทศอยู่แล้ว สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าในปี 2551 ทั่วประเทศมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 20,881 ราย เสียชีวิต 4 ราย ส่วนปี 2552 ตั้งแต่ 1 มกราคม -15 พฤษภาคม 2552 พบผู้ป่วย 4,140 ราย ไม่มีเสียชีวิต เชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบในไทยขณะนี้ ยังไม่มีปัญหากลายพันธุ์ การฉีดวัคซีนป้องกันยังได้ผล ซึ่งในปีนี้มีเป้าหมายฉีด 2.2 ล้านโด๊ส เน้นในกลุ่มที่สุขภาพอ่อนแอ เสี่ยงป่วยก่อนได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างบำบัด เบาหวาน และผู้สูงอายุ อายุ 65 ปีขึ้นไป รวมทั้งเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อไข้หวัดใหญ่ รวมถึงเชื้อไข้หวัดนกในสัตว์ปีก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลและเชื้อไข้หวัดนก หลังฉีดร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรคได้ร้อยละ 70-90 โดยป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลได้ 3 สายพันธุ์ แต่ไม่สามารถป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ ขณะนี้ได้กระจายวัคซีนไปสถานบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศแล้ว สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรงอยู่แล้ว ยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ควรป้องกันไม่ให้ร่างกายรับเชื้อไข้หวัดใหญ่ ที่ดีสุดคือ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และป้องกันไม่ให้ตนเองรับเชื้อเข้าร่างกาย โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ที่สถานที่แออัด ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย ควรล้างมือบ่อยครั้ง สวมผ้าปิดจมูกเพื่อป้องกันการไอ หรือจามใส่คนอื่น เป็นต้น *********************************** 23 พฤษภาคม 2552


   
   


View 16    23/05/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ