รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยวันนี้ผู้ที่เดินทางกลับมาจากเม็กซิโกและดูแลเป็นพิเศษที่สถาบันบำราศนราดูร กลับบ้านได้แล้ว ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการปกติ ทั้งนี้จะกระจายยาโอเชลทามีเวียร์ สต็อกในสถานทูตประเทศต่างๆในประเทศไทยที่มีแพทย์ประจำ และจะส่งไปให้สถานทูตไทยในประเทศที่มีความเสี่ยง และมีการแพร่ระบาดของโรคด้วย
วันนี้(5 พฤษภาคม 2552) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวภายหลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมกับทีมนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญโรคไข้หวัดใหญ่ ที่กระทรวงสาธารณสุขว่า หลังจากที่ผู้ที่เดินทางมาจากเม็กซิโก 14 ราย สมัครใจเข้ามาอยู่ในความดูแลของสถาบันบำราศนราดูรเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากให้ความมั่นใจในมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการปกติ ในวันนี้ให้กลับบ้านได้แล้ว และให้ดูแลตัวเองอีก 7 วัน เช็คอุณหภูมิร่างกาย ไม่คลุกคลีกับญาติอย่างใกล้ชิด เช่น การกอดหรือหอมแก้ม หลีกเลี่ยงไปในที่ชุมชนหนาแน่น และแจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้ทุกวันหากมีอาการผิดปกติหรือมีไข้
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า ขอยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทย อยู่ในระดับที่ปลอดภัย แต่ยังคงมาตรการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ทุกสนามบินที่มีการเดินทางเข้า- ออก กรณีที่มีประวัติการเดินทางผ่านประเทศที่มีการแพร่ระบาด หากผ่านการตรวจสอบที่สนามบินแล้วไม่มีอาการไข้ ให้กลับไปพักที่บ้านได้ ขอความร่วมมืออยู่ในบ้าน 7 วัน หลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสใกล้ชิดพบปะบุคคลทั่วไป และหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปในที่ชุมชนหนาแน่น กระทรวงสาธารณสุขมีการติดต่อทุกวันเพื่อติดตามอาการ
กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายกำหนดยาโอเชลทามีเวียร์ (Oseltamivir) เป็นยาควบคุมพิเศษเนื่องจากต้องติดตามการดื้อยาและอาการอันไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีผลต่อระบบจิตประสาททำให้เกิดภาพหลอนได้ ดังนั้นจึงให้ใช้เฉพาะในสถานพยาบาลที่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน และแพทย์ เป็นผู้สั่งจ่ายยา การใช้ยาดังกล่าวโรงพยาบาลต้องมีใบสั่งแพทย์ ดูแลควบคุมการใช้ยาอย่างเข้มงวดตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งรายงานการใช้ยาต่อ อย. เพื่อป้องกันการใช้ไม่ถูกต้องและป้องกันการดื้อยาจากการใช้อย่างกว้างขวางโดยไม่จำเป็น
นายวิทยา กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการกระจายยาโอเชลทามีเวียร์ นอกจากให้โรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศแล้ว จะกระจายยาส่งไปให้โรงพยาบาลเอกชน โดยจะแจ้งสถานทูตทุกแห่งในประเทศไทย จะให้ยาไว้เป็นสต็อกในสถานทูตที่มีแพทย์ประจำ และจะส่งยาไปให้สถานทูตไทยทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่มีความเสี่ยง และมีการแพร่ระบาดของโรคด้วย
สถานการณ์ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 4 พฤษภาคม 2552 สำนักระบาดวิทยา ได้รับรายงานผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอ เอช 1 เอ็น 1 สะสม 17 ราย ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นไข้หวัดใหญ่ทั่วไป 14 ราย อยู่ระหว่างการตรวจผลทางห้องปฏิบัติการอีก 3 ราย อยู่ที่จ.อุบลราชธานี และจ.นครสวรรค์ จังหวัดละ 1 ราย และที่โรงพยาบาลราชวิถี 1 ราย
ทั้งนี้ผลการเฝ้าระวังผู้เดินทางเข้าประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่ 27 เมษายน- 4 พฤษภาคม 2552 ผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิทั้ง 6 จุด จำนวน 279.653 คน
*********************************************** 5 พฤษภาคม 2552
View 14
05/05/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ