นายกรัฐมนตรี มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ 15 อสม.ดีเด่นระดับชาติประจำปี 2552 และมอบค่าตอบแทน อสม. 600 บาท ต่อเดือน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เนื่องในวัน อาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปี 2552 พร้อมฝาก 3 งานใหญ่ให้ อสม.ดูแล คือ ค้นหาหญิงตั้งครรภ์ให้ครบดูแลจนคลอด เป็นพ่อแม่คนที่ 2 ให้เด็กเกิดใหม่ในชุมชนพร้อมส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และดูแลเชื่อมโยงการรักษาพยาบาลระหว่างผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเรื้อรังในหมู่บ้าน กับสถานบริการสาธารณสุข
วันนี้ (20 มีนาคม 2552) ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดงานวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ และมอบรางวัล อสม.ดีเด่นระดับชาติ ประจำปี 2552 ทั้ง 12 สาขา จำนวน 15 คน โดยมีตัวแทนอสม.จากทั่วประเทศร่วมงานกว่า 12,000 คน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาสาสมัครประจำหมู่บ้านหรืออสม. เป็นตัวอย่างของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนางานสาธารณสุข ตามนโยบายสาธารณสุขมูลฐานที่ดำเนินงานต่อเนื่องยาวนาน ย่างเข้าสู่ทศวรรษที่ 4 ทำให้การสาธารณสุขไทยได้รับการชื่นชมและยอมรับในระดับนานาชาติ ว่าประสบผลสำเร็จในการใช้กลยุทธ์การสาธารณสุขมูลฐาน ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพ ปัจจุบันมี อสม.จำนวน 987,019 คน เฉลี่ยอสม. 1 คน ดูแลชาวบ้านคนละ 10-15 หลังคาเรือน
รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของ อสม. ในปีนี้ได้อนุมัติงบประมาณเป็นค่าตอบแทนแก่ อสม. เดือนละ 600 บาท โดยจะเริ่มจ่ายในเดือนเมษายน-กันยายน 2552 โดยไม่ถือเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง แต่เพื่อสนับสนุนการทำงานของ อสม.ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนตัวในการทำกิจกรรมส่วนรวม ทั้งยังเสียเวลาประกอบอาชีพส่วนตัว โดยไม่ได้มีเจตนาไปทำลายจิตวิญญาณที่ดี ที่เสียสละต่อส่วนรวมของ อสม.แต่อย่างใด
สำหรับการทำงานของ อสม.ในปีนี้นั้น มุ่งเน้นกิจกรรมการทำงานที่เป็นการสร้างสุขภาพในชุมชน โดยดำเนินการใน 3 บทบาทหลัก คือ ดูแลสุขภาพอนามัยแม่และเด็กและผู้สูงอายุ เป็นแกนนำด้านสุขภาพของชุมชน และเชื่อมประสานกับกลุ่มต่างๆ ในสังคม เน้นหนักการทำงานในหญิงตั้งครรภ์ เด็กและผู้สูงอายุ เป็นพิเศษ โดยให้สำรวจหญิงตั้งครรภ์ ให้ความรู้การดูแลตัวเองขณะตั้งครรภ์ เพื่อลดปัญหาคลอดก่อนกำหนด หลังคลอดแล้ว อสม. ต้องทำตัวเสมือนเป็นพ่อแม่คนที่ 2 ส่งเสริมให้มีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นาน 6 เดือน ตั้งเป้าในอีก 15 ปีข้างหน้า จะได้เยาวชนรุ่นใหม่ที่มีความสมบูรณ์ทั้งกายและใจ และให้อสม.สำรวจผู้สูงอายุที่มีอยู่ประมาณ 7 ล้านคน ผู้พิการ ผู้ป่วยเรื้อรังในหมู่บ้านที่มีอยู่ประมาณ 2 ล้านคน โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ออกเยี่ยมผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังถึงบ้าน ช่วยดูแลการส่งเสริมสุขภาพ ออกกำลังกาย อาหาร รวมทั้งป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อน เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ป่วยและญาติ และจดบันทึกผลงานที่ได้ทำในแต่ละวัน รวบรวมเป็นผลงานประจำเดือน เพื่อรายงานผลการทำงานก่อนรับค่าตอบแทนทุกเดือน ที่สถานีอนามัยที่ขึ้นทะเบียน
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาศักยภาพ อสม. เพื่อยกระดับเป็นผู้จัดการสุขภาพประจำชุมชนทั้งเขตเมืองและชนบท ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ภาคีเครือข่ายสุขภาพในชุมชน รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีการทำแผนสุขภาพชุมชน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาสาธารณสุขที่เปลี่ยนไป และในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะได้มอบรางวัลแก่ อสม.ที่มีผลงานดีเด่น ระดับจังหวัด ระดับเขต ระดับภาค และระดับชาติ เนื่องในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ 20 มีนาคม 2552 รวมทั้งจะได้ขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่ง ดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นเหรียญเงิน ให้กับ อสม.ดีเด่นระดับชาติ ต่อไป
สำหรับ อสม.ดีเด่นระดับชาติประจำปี 2552 จำนวน 12 สาขา 15 รางวัล จะได้รับเข็มทองคำเชิดชูเกียรติ พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ ดังนี้ สาขาการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ได้แก่ นายนิพน สารทรานนท์ จ.ฉะเชิงเทรา สาขาสุขภาพจิตชุมชน ได้แก่ นายสำรวย อำนวย จ.ศรีษะเกษ สาขาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ได้แก่ นายบุญเรือง คำไพ จ.ยโสธร สาขาการบริการในศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน (ศสมช.) ได้แก่ นางนภาพร ภูมิเรศสุนทร จ.สระแก้ว สาขาการคุ้มครองผู้บริโภค ได้แก่ นายคำ บุญลือชา จ.กาฬสินธุ์
สาขาการแพทย์แผนไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ ได้แก่ นางเครือ เนตรภักดี จ.อุดรธานี สาขาเอดส์ในชุมชน ได้แก่ นางธวัลรัตน์ คงรอด จ.มุกดาหาร สาขาการส่งเสริมสุขภาพ ได้แก่ นางสุนีย์ สุขสันต์สิริมา จ.สมุทรสาคร สาขาการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ ได้แก่ นางยุพารักษ์ พรหมนอก จ.ขอนแก่น สาขาการจัดการสุขภาพชุมชน ได้แก่ นายบุญกอง ตราชู จ.ยโสธร สาขาอนามัยแม่และเด็ก นางสุดารัตน์ จันทร์ทอง จ.ตรัง และสาขาการปฏิบัติงานดีเด่นในพื้นที่ที่มีภาวะวิกฤติ 4 รางวัล ได้แก่ 1.นายอัดนัน เซ็ง จ.นราธิวาส 2.นางพะยอม แก้ววงศ์จันทร์ จ.ปัตตานี 3.นายเจ๊ะอูมา ดือราแม จ.ยะลา และ 4.นายหมัดอุเส็น สามารถ จ.สงขลา
ส่วนอสม.ดีเด่นระดับภาค 33 คน อสม.ดีเด่นระดับเขต 154 คน ได้รับเข็มเชิดชูเกียรติ สำหรับอสม.กฟผ. 2 คน และอสม.ดีเด่น กทม. 10 คน และอสม.ดีเด่นระดับจังหวัด 671 คน จะได้รับโล่พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ
********************************************* 20 มีนาคม 2552
View 11
20/03/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ