กระทรวงสาธารณสุข จับมือโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ ตั้งคลินิกให้คำปรึกษาวัยรุ่นและตรวจเชื้อเอชไอวี ให้บริการอย่างเป็นมิตร ครบวงจร และบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกในกลุ่มแม่วัยรุ่น ตั้งเป้าครบทุกโรงพยาบาลในปี 2558 เผยสถานการณ์รอบ 5 ปี น่าห่วง วัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัย 15 ปี และติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นจากเดิม 2 เท่า มีวัยรุ่นหญิงตั้งครรภ์กว่า 150,000 คน วันนี้ (17 มีนาคม 2552) ที่โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กทม. นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการหารือกับนายมิเชล สิดิบี (Mr. Michel Sidibe) ผู้อำนวยการบริหารโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) เรื่อง “ความร่วมมือในการป้องกันโรคเอดส์ในวัยรุ่นและเยาวชน ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ” ว่า ขณะนี้ สถานการณ์โรคเอดส์ในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนไทยน่าห่วงอย่างยิ่ง พบว่า วัยรุ่นชายหญิงอายุระหว่าง 15 – 24 ปี ติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จากที่พบแสนละ 45 คนในปี 2547 เพิ่มเป็นแสนละ 64 คนในปี 2551 สาเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรมเสี่ยง โดยวัยรุ่นชายหญิงมีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 15 ปีเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6 เป็นร้อยละ 13 ขณะที่การใช้ถุงยางอนามัยกับคนรักอยู่ในระดับต่ำ โดยวัยรุ่นชายใช้ถุงยางอนามัยร้อยละ 53 มากกว่าวัยรุ่นหญิงที่ใช้ร้อยละ 14 ส่วนวัยรุ่นที่มีคนรักหลายคนใช้ถุงยางอนามัยร้อยละ 51 นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มวัยรุ่นเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากที่สุดถึงร้อยละ 41 ของผู้ป่วยทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี และการตั้งครรภ์ขณะยังไม่มีความพร้อมตามมา ทั้งนี้ มีหญิงวัยรุ่นตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จาก 150,785 คนในปี 2547 เป็น 155,978 คนในปี 2550 นายวิทยากล่าวต่อว่า ในการป้องกันการติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มวัยรุ่น ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการความร่วมมือกับโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอดส์ ใช้งบประมาณจากกองทุนโลกเพื่อการต่อสู้โรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย (Global Fund to Fight AIDS Tuberculosis and Malaria : GFATM) ใน 2 กิจกรรมคือ 1.จัดคลินิกบริการวัยรุ่นอย่างครบวงจร ในคลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และคลินิกวางแผนครอบครัว โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง ให้บริการปรึกษาแนะนำการดูแลอนามัยทางเพศ บริการตรวจเชื้อเอชไอวี การวางแผนครอบครัว ทดสอบการตั้งครรภ์ และส่งรับการรักษาต่อ และ 2.การบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกในกลุ่มแม่วัยรุ่น ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพและโรงพยาบาลศูนย์ทุกแห่ง ซึ่งจะช่วยให้วัยรุ่นและเยาวชนมีที่พึ่งที่เข้าใจปัญหา ให้การดูแลด้วยความเป็นมิตรในยามที่ต้องการความช่วยเหลือ เริ่มตั้งแต่ปี 2553-2558 นำร่องในปีแรกที่จังหวัดชลบุรี 2 แห่งคือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพจังหวัดชลบุรี และโรงพยาบาลศูนย์ชลบุรี โดยยูเอ็นเอดส์จะสนับสนุนด้านวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และติดตามผลการดำเนินงาน นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า เพื่อแสดงความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับปัญหาเอดส์ของไทย ที่ตั้งเป้าหมายลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ให้เหลือ 6,000 คนภายในปี 2558 และให้ความสำคัญกับการดำเนินงานร่วมกับภาคีสมาชิกอื่นๆ รัฐบาลไทยได้สนับสนุนเงินบำรุงโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติเพิ่มขึ้นจากเดิมปีละ 50,000 เหรียญสหรัฐ เป็น 100,000 เหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป และอุดหนุนงบประมาณให้กองทุนโลกเพื่อการต่อสู้โรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย ปีละ 1,000,000 เหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ ปี 2551 – 2555 **************************************** 17 มีนาคม 2552


   
   


View 13    17/03/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ