โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ชี้การปรับเงินค่าตอบแทนทั้งที่เป็นตัวเงินและความก้าวหน้า ให้บุคลากรในสังกัดทุกสาขาทั้งที่ปฏิบัติงานในหน่วยบริการและหน่วยบริหาร ต้องทำทั้งระบบ เพื่อให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนในพื้นที่ คนทำงานมีขวัญกำลังใจอย่างถ้วนหน้า
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุขด้านการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องค่าตอบแทนบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ปฏิบัติงานในหน่วยบริการต่างๆทั่วประเทศ จะมีการปรับเพิ่มเฉลี่ยประมาณร้อยละ 20 จากอัตราเดิม ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นมาแล้วนั้น แต่บุคลากรบางส่วนมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงขอชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
นายแพทย์สุพรรณกล่าวว่า ค่าตอบแทนที่บุคลากรทุกระดับที่ทำงานในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชนและสถานีอนามัย จะได้รับมี 2 ประเภท คือที่เป็นตัวเงิน และไม่ใช่ตัวเงิน สำหรับค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงิน รวมถึงค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาหรือค่าโอที และเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายของบุคลากรที่ทำงานในโรงพยาบาลชุมชนและสถานีอนามัย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรอยู่ปฏิบัติงานในพื้นที่ให้ยาวนานขึ้น ซึ่งมีผลดีจะทำให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์สุพรรณกล่าวต่อว่า ในการจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงิน มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความสามารถในการจ่ายของโรงพยาบาลแต่ละแห่งที่มีเงินบำรุงไม่เท่ากัน ซึ่งในระยะยาวจะต้องมีงบประมาณที่เพียงพอในการจ่ายด้วย ดังนั้นจึงต้องมีแผนการจ่ายเงินบำรุงที่ชัดเจนและแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่สมดุลย์ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด คณะกรรมการบริหารของหน่วยบริการต่างๆจะต้องคำนึงในประเด็นเหล่านี้ด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ให้สำนักตรวจราชการของกระทรวงเร่งประเมินผลกระทบจากการเพิ่มค่าตอบแทนอัตราใหม่ ในแง่มุมต่างๆอย่างรอบด้านภายใน 6 เดือน เพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนดแนวทางที่เหมาะสมต่อไป ขณะเดียวกันได้เร่งรัดให้คณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาค่าตอบแทนทั้งระบบซึ่งจะเบิกจ่ายให้บุคลากรทุกระดับในสังกัดที่ทำงานในหน่วยบริการและหน่วยบริหาร ตามภาระงานและความเชี่ยวชาญในงาน ซึ่งมีแพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ดำเนินการให้ได้ข้อสรุปภายใน 6 เดือนเช่นกัน
สำหรับเรื่องค่าตอบแทนที่ไม่ใช่ตัวเงินนั้น มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน กระทรวงสาธารณสุขต้องดูแลบุคลากรทุกสายวิชาชีพให้มีความก้าวหน้าเป็นขวัญกำลังใจตามความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญแต่ละบุคคล ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างดำเนินการควบคู่กันไปอย่างเต็มที่เช่นกัน
ทั้งนี้กรณีที่น.พ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป พร้อมคณะ ได้เข้าพบนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อ 11 มี.ค. 2552 ที่ผ่านมา เสนอขอเพิ่มค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายตามอายุงานเช่นเดียวกับแพทย์โรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่และค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลา เพิ่มอีก 2 เท่าตัวจากอัตราหลังปรับใหม่นั้น ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ทางสมาพันธ์แพทย์ฯส่งรายชื่อตัวแทนมาร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะแต่งตั้งจากบุคลากรสาขาวิชาชีพต่างๆโดยเร็ว ขณะนี้ได้รับรายชื่อตัวแทนแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
******************************* 15 มีนาคม 2552
View 17
15/03/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ