กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ขยายบริการฝังรากฟันเทียม ฟรีให้ผู้สูงอายุในโครงการฟันเทียมพระราชทาน จำนวน 10,000 ราย เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาในหลวง จนถึงปี 2554 ผู้สูงอายุ สามารถติดต่อเข้ารับบริการได้ ที่ โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ เช้าวันนี้ (12 มีนาคม 2552)ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าว “โครงการฝังรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550” เป็นความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุขกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อบริการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมให้ผู้สูงอายุที่ใส่ฟันเทียมทั้งปาก ในโครงการฟันเทียมพระราชทาน ที่ฟันเทียมด้านล่างหลวมไม่สามารถใช้ฟันบดเคี้ยวอาหารได้ ซึ่งพบได้ร้อยละ 10 ต้องใช้วิธีฝังรากฟันเทียมเสริมที่ขากรรไกรล่าง 2 จุด ช่วยยึดฟันเทียมให้ติดแน่นขึ้น นายมานิต กล่าวว่า หลังจากได้เริ่มโครงการฯ ตั้งแต่ตุลาคม 2550 โดยทดลองนำร่องฝังรากฟันเทียมให้ผู้สูงอายุ 28 ราย ในสถานพยาบาล 7 แห่ง ได้แก่ สถาบันทันตกรรม รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ รพ.ศูนย์อุดรธานี รพ.ศูนย์ชลบุรี รพ.มหาราชนครราชสีมา รพ.ศูนย์ลำปาง และรพ.ศูนย์หาดใหญ่ พบว่าได้ผลดี ในปี 2551 ได้ขยายบริการครบทุกจังหวัดรวม 117 แห่ง ในจำนวนนี้ เป็นคณะทันตแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัย 5 แห่ง มีผู้ป่วยลงทะเบียนเข้ารับบริการ 4,696 คน ได้รับบริการแล้ว 176 ราย 352 ราก โดยได้ขยายเวลาบริการไปจนถึงเดือนกันยายน 2554 ตลอดโครงการดังกล่าวตั้งเป้าบริการ 10,000 รายฟรี ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดอบรมทันตแพทย์และผู้ช่วยทันตแพทย์ ทั่วประเทศ รวม 349 คน จาก 100 หน่วยงาน เพื่อเพิ่มเติมความรู้และประสบการณ์ในการฝังรากฟันเทียม ด้านทันตแพทย์สมชัย ชัยศุภมงคลลาภ ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กล่าวว่า การฝังรากฟันเทียม เป็นเทคโนโลยีขั้นสูง ต้องทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่ผ่านมาประชาชนเข้าถึงบริการนี้น้อย เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงถึงรากละ 50,000-120,000 บาท เพราะต้องนำเข้ารากฟันเทียมจากต่างประเทศ มูลค่าการนำเข้า ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี สำหรับโครงการรากฟันเทียมฯที่ใช้ในโครงการนี้ ผลิตโดยศูนย์เทคโนโลยีทางทันต กรรมขั้นสูง(ADTEC) และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ(MTEC)กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ คุณภาพดีได้มาตรฐานสากล โดยได้ ISO 13485 เทียบเท่ามาตรฐานยุโรป ช่วยให้ผู้สูงอายุไทยสามารถใช้เคี้ยวอาหารได้สะดวก มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่ายในการนำเข้ารากฟันเทียมจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้ที่จะเข้ารับการฝังรากฟันเทียม จะต้องไม่มีโรคประจำตัวที่สำคัญคือ โรคหัวใจ เบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลไม่ได้ ความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้ควบคุม โดยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ใช้เวลาผ่าตัดนาน 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะทิ้งเวลาเพื่อให้กระดูกยึดเกาะที่รากฟันเทียม ใช้เวลา 4 เดือน จากนั้นจึงจะทำการยึดฟันปลอมลงบนรากฟันเทียมอีกชั้นหนึ่ง ผู้สูงอายุในโครงการฟันเทียมพระราชทานที่มีปัญหา สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ที่โรงพยาบาลจังหวัดทั่วประเทศ หรือสอบถามได้ที่ สำนักงานโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติฯ สถาบันทันต กรรม โทร.02-588-4005-8 ต่อ 103 **************************************************** 12 มีนาคม 2552


   
   


View 14    12/03/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ