รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สรุปผลอสม.ที่มาแสดงตนยืนยันสถานภาพทั่วประเทศมีกว่า 9 แสน 8 หมื่นคน ซึ่งแม้จะมากกว่าที่แจ้งรัฐบาลไว้ในการของบสนับสนุนการทำงาน แต่พร้อมจะดูแลให้อสม.ทุกคนได้รับขวัญกำลังใจในการทำงานอย่างทั่วถึงทุกคน โดยในปี 2552 จะให้อสม.เดินหน้า 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ ดูแลสุขภาพหญิงตั้งครรภ์ เป็นพ่อแม่อาสาดูแลทารกตั้งแต่แรกเกิด และดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเรื้อรังในหมู่บ้าน วันนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2552) ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ซิตี้ จอมเทียน จ.ชลบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายพิเชฐ พัฒนโชติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงาน อสม. และประธานชมรม อสม. ระดับจังหวัด และตำบล จากจังหวัดในภาคกลาง และกทม. ประมาณ 2,500 คน เพื่อมอบนโยบายการทำงานในปี 2552 และระดมความคิดในการจัดทำแนวทางการดำเนินงาน และหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายงบประมาณช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานของ อสม. คนละ 600 บาทต่อเดือน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงกันยายน 2552 นี้ นายวิทยา กล่าวว่า เป้าหมายสูงสุดของกระทรวงสาธารณสุข คือการทำให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพที่ดี โดย ส่งเสริมให้ประชาชนเห็นความสำคัญ และรู้จักดูแลสุขภาพ ป้องกันโรคด้วยตนเอง เพื่อลดการเจ็บป่วยโดยเฉพาะจากโรคที่สามารถป้องกันได้ ซึ่งจะส่งผลให้ปัญหาความแออัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาล รวมทั้งปัญหาขาดแคลนบุคลากรให้บริการทางการแพทย์ลดน้อยลง ขณะเดียวกัน ก็ต้องเตรียมการรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศ ซึ่งสำนักงานสถิติแห่งชาติ คาดว่าผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 7 ล้านคน หรือร้อยละ 10.7 ของประชากร ในปี 2550 เป็น 12 – 14 ล้านคน ในปี 2568 ในจำนวนนี้ ร้อยละ 80 เป็นผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ อัมพฤกษ์อัมพาต โดยปรับเปลี่ยนการทำงานแบบเดิมที่มุ่งให้การรักษาพยาบาล มาเป็นการทำงานเชิงรุกที่เน้นการดูแลส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคอย่างจริงจัง และลงลึกถึงระดับชุมชน ซึ่งต้องอาศัย อสม. เป็นกำลังสำคัญ นายวิทยา กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้เร่งประชุมเตรียมความพร้อมและระดมความคิดเห็นประธานชมรม อสม.ทั่วประเทศ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์กลางของประเทศในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณช่วยเหลือการทำงาน รวมทั้งกำหนดบทบาทชมรมอสม.และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในตำบล ในการบริหารจัดการให้ปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนด เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีปัญหาเรื่องร้องเรียนตามมา นอกจากนี้ ยังได้มอบนโยบายให้อสม.ดำเนินงานปี 2552 ใน 3 ภารกิจหลัก คือ 1.การค้นหาและจัดทำทะเบียนหญิงตั้งครรภ์ให้ครบ เริ่มตั้งแต่ 20 มีนาคม 2552 ซึ่งเป็นวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติเป็นต้นไป และแบ่งกันรับผิดชอบดูแลสุขภาพหญิงตั้งครรภ์ให้แข็งแรง ลดปัญหาคลอดก่อนกำหนด โดยให้รายงานผลก่อนรับค่าตอบแทนทุกเดือน 2.การเป็นพ่อแม่อาสา ติดตามเยี่ยมบ้านตั้งแต่วันแรกที่ทารกกลับถึงบ้าน เพื่อดูแลสุขภาพแม่และเด็ก โดยเฉพาะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน และเมื่อครบรอบ 1 ปี ในวันที่ 20 มีนาคม 2553 จะได้ข้อมูลรายชื่อและจำนวน อสม.ที่เป็นพ่อแม่อาสา ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของอสม.ไทย ซึ่งมั่นใจว่าอีก 15 ปีข้างหน้า จะได้เยาวชนไทยรุ่นใหม่ที่มีความสมบูรณ์ทั้งกายและใจ และ 3.การสำรวจข้อมูลผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยเรื้อรังในหมู่บ้าน และปรับระบบการดูแลสุขภาพถึงที่บ้านแทนการพาไปโรงพยาบาล รวมทั้งอำนวยความสะดวกเมื่อจำเป็นต้องไปโรงพยาบาล เช่น จัดหารถยนต์นำส่ง โดยประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ได้รับรายงานล่าสุดว่ามี อสม.มาแสดงตนยืนยันสภาพความเป็น อสม. ที่สถานีอนามัยทั่วประเทศ จำนวน 987,019 คน ซึ่งมากกว่าจำนวนที่แจ้งในการของบประมาณรัฐบาล คือ 834,000 คน รวมเป็นเงิน 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขตระหนักดีว่า แม้ อสม. จะเป็นผู้ที่มีจิตใจเสียสละ อาสาเข้ามาช่วยงานโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่การสร้างขวัญกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะหล่อเลี้ยงให้คนทำงานมีแรงกายแรงใจทุ่มเทในการทำงานต่อไป และพร้อมที่จะดูแลให้ อสม.ทุกคนได้รับขวัญกำลังใจในการทำงานอย่างทั่วถึง โดยจะของบกลางเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รับครบทุกคน กุมภาพันธ์ ******************************** 27 กุมภาพันธ์ 2552


   
   


View 24    27/02/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ