กระทรวงสาธารณสุข เผยความคืบหน้าผู้บาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้ซานติก้า ผับ เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เป็นไทย 1 ราย ญี่ปุ่น 1 ราย คงเหลือผู้บาดเจ็บนอนรักษา 67 ราย ในส่วนการดูแลต่อเนื่องพร้อมประสานส่งต่อผู้ป่วย โดยเฉพาะคนไทยรับการรักษาใกล้บ้าน ส่วนต่างชาติจะพยายามหาช่องทางช่วยเหลือตามความเหมาะสม นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้ซานติก้า ผับ ว่า วานนี้ (4 มกราคม 2552) มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ได้แก่ ที่รพ.จุฬาฯ ชื่อนายเคอิชิ วาดะ (Mr.Keiichi Wada) ชาวญี่ปุ่นอายุ 25 ปี และที่รพ.คามิลเลียน ชื่อนายมีศักดิ์ แก้วละเอียด ชาวพัทลุง รวมยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 64 ราย ขณะนี้เหลือผู้บาดเจ็บที่ยังนอนรักษาตัว 67 ราย ในโรงพยาบาล 32 แห่งเป็นโรงพยาบาลภาครัฐ 12 แห่ง ที่เหลือเป็นรพ.เอกชน โดยผู้บาดเจ็บเป็นชาย 33 ราย หญิง 34 ราย ในจำนวนนี้อาการหนักอยู่ในห้องไอซียู 34 ราย ส่วนชาวต่างชาติที่นอนรักษาตัวมีทั้งหมด 15 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในไอซียู 11 ราย นายวิทยากล่าวต่อว่า สำหรับการให้ความช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล ซึ่งขณะนี้เป็นวันที่ 5 หลังเกิดเหตุ ในส่วนของคนไทย กระทรวงสาธารณสุขได้ทำการตรวจสอบสิทธิผู้บาดเจ็บทุกราย ในรายที่ไม่มีสิทธิใด ๆ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพร้อมจะดูแลช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ขณะเดียวกันหากอาการปลอดภัยจะประสานการส่งผู้บาดเจ็บเข้ารักษาต่อในโรงพยาบาลตามสิทธิที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อสะดวกแก่ญาติในการดูแล และโรงพยาบาลในสังกัดที่อยู่ในภูมิภาคมีศักยภาพพร้อมให้การดูแลผู้บาดเจ็บไฟไหม้ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของชาวต่างชาติ ซึ่งขณะนี้ประมาณร้อยละ 90 รักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชน กระทรวงสาธารณสุข จะพยายามหาช่องทางในการช่วยเหลือตามความเหมาะสม หากย้ายเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทั้งในกทม.และภูมิภาค ก็จะสามารถช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่ ทางด้านนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ในส่วนของยาและเวชภัณฑ์ที่ทางประเทศจีนจะส่งให้การช่วยเหลือไทย 5 รายการ ได้แก่ 1.ยาปฏิชีวนะ 2.สารน้ำให้ทางหลอดเลือด 3. เวชภัณฑ์ทำแผล 4. ยาแก้ปวด 5.ยาแผนจีนที่ใช้รักษาแผลไฟไหม้ระดับ 2 และ 3 เช่น บัวหิมะ จิงว่านหง ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างแพทย์ไทยและแพทย์จีน และการรักษาจะต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์เจ้าของไข้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะอำนวยความสะดวกเรื่องการนำเข้า โดยจะให้ผ่านทางช่องทางผู้โดยสารขาเข้าตามปกติที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน *************************** 5 มกราคม 2552


   
   


View 8    05/01/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ