“วิชาญ” เดินหน้าโครงการก่อสร้าง “บ้านคุณพุ่ม” ที่ จ.ภูเก็ต เพื่อรักษา ฟื้นฟูและพัฒนาการเด็ก

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างอาคาร “บ้านคุณพุ่ม” ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เผยเหตุก่อสร้างล่าช้าไม่เป็นตามกำหนด เนื่องจากพื้นที่เป็นเนินเขาหินแกรนิต ต้องใช้เครื่องจักรสกัดหินปรับพื้นที่ และผู้รับเหมาขอเลิกสัญญา เร่งรัดกระบวนการประกวดราคารอบใหม่ ให้ทำสัญญาได้ในเดือนธันวาคม 2551 และขอเพิ่มวงเงินก่อสร้างจาก 344 ล้านบาทเป็น 379 ล้านบาท ตามสภาพเศรษฐกิจ คาดแล้วเสร็จในปลายปี 2554 นี้ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริของกระทรวงสาธารณสุข พบว่าโครงการก่อสร้าง “บ้านคุณพุ่ม ตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นอาคาร 6 ชั้น เพื่อให้การรักษา ฟื้นฟูและพัฒนาการเด็ก ของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต วงเงิน 344 ล้านบาท ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2549 และได้วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2551 จนถึงขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าน้อยมาก สาเหตุเนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างอาคารเป็นเนินเขาหินแกรนิต ต้องทำการปรับฐานรากโดยใช้เครื่องจักรสกัดหินแทนการระเบิด เพื่อป้องกันมลพิษทางสิ่งแวดล้อมตามประกาศจังหวัดภูเก็ต ทำให้งานมีความล่าช้ากว่ากำหนด และผู้รับจ้างได้ขอยกเลิกสัญญาจ้าง เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา การก่อสร้างจึงหยุดชะงักลง นายวิชาญ กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า โครงการพระราชดำริดังกล่าว มีประโยชน์อย่างมากในการสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ และจะร่วมมือกันผลักดันอย่างเต็มที่ โดยจัดทำแผนกำหนดระยะเวลาในการดำเนินขั้นตอนต่างๆ อย่างชัดเจน ทั้งนี้ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้ขยับแนวก่อสร้างออกไปประมาณ 6 เมตร เพื่อหลีกเลี่ยงการสกัดหิน พร้อมทั้งปรับรูปแบบฐานราก งานสถาปัตยกรรม และงานระบบต่างๆ ให้เหมาะสมกับพื้นที่ และจะเร่งรัดให้มีการประกวดราคา ทำสัญญากับผู้รับจ้างภายในเดือนธันวาคม 2551 นี้ คาดว่าจะลงมือก่อสร้างได้ต้นปี 2552 และแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2554 “การปรับรูปแบบก่อสร้างและสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้งบประมาณที่จะใช้ก่อสร้างเพิ่มเป็น 379 ล้านบาท จะได้ประสานกับสำนักงบประมาณ เพื่อจัดหางบในส่วนที่เพิ่มขึ้นอีก 35 ล้านบาทให้ ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเป็นจำนวนเงินที่ไม่มาก และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง” นายวิชาญกล่าว ****************************** 6 ธันวาคม 2551