แพทย์เตือนกลุ่มโจ๋ที่นิยมสัก เจาะลิ้น เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต ไม่ควรทำตามแฟชั่น และไม่ควรนำวัสดุมาใส่ในปากในลิ้น อาจทำให้อักเสบหรือเน่าได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเลือดไหลไม่หยุด อาจเสียชีวิตได้ เนื่องจากลิ้นเป็นอวัยวะที่มีเลือดหล่อเลี้ยงมาก ด้านอธิบดีกรมสุขภาพจิตแนะวัยรุ่นหากต้องการเจาะ ควรเจาะแค่หูเท่านั้น นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีของวัยรุ่นอายุ 14 ปี ที่จังหวัดพิจิตร ที่ใช้เข็มเจาะลิ้นตามแฟชั่น จนพลาดเข็มหลุดมือฝังติดใต้โคนลิ้น อยู่ระหว่างการดูแลรักษาของทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลพิจิตร ว่า การเจาะลิ้นเป็นความนิยมส่วนบุคคล ทำกันเฉพาะกลุ่ม การเจาะลิ้นหรือเจาะอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เป็นสิ่งอันตรายมาก ประชาชนทุกคนโดยเฉพาะวัยรุ่น ไม่ควรทำตามกระแสแฟชั่น โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเลือดออกไม่หยุด หรือที่เรียกว่า ฮีโมฟีเลีย อาจทำให้เสียชีวิตได้ นายแพทย์ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า วัยรุ่นไทยในปัจจุบัน ซึ่งมีประมาณ 14-15 ล้านคน ต้องการความเป็นอิสระจากครอบครัว อิสระจากพ่อแม่ ต้องการเพื่อนฝูง และการที่จะเข้ากับเพื่อนได้นั้น ต้องมีพฤติกรรมเลียนแบบกลุ่ม ให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มที่มีความชอบเหมือนกัน ดังนั้นการดูแลเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางด้านพฤติกรรมของวัยรุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามวัยและเป็นไปตามธรรมชาติ ผู้ปกครองควรปฏิบัติดังนี้คือ 1.ควรให้การยอมรับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นว่าเป็นธรรมชาติของเด็ก ที่ต้องการการยอมรับ ทำตามเพื่อน ชอบความเสี่ยง 2.การเจาะตามอวัยวะต่างๆ เป็นสิ่งอันตราย ไม่แนะนำให้เจาะ แต่ถ้าจะเจาะจริงๆ ก็ควรเจาะเพียงหู 3.เด็กหลายคนอาจไม่ทันได้คิดถึงผลร้ายที่จะตามมาจากการทำตามกลุ่มเพื่อน ซึ่งปัญหาที่ตามมาจะแก้ยากกว่าและอาจจะเกิดปัญหาอื่นแทรกซ้อนตามมาได้ 4.วัยรุ่นส่วนใหญ่ต้องการการดูแลบ้างในบางครั้ง ดังนั้นการช่วยให้วัยรุ่นได้ทำความดีและได้รับการยอมรับ จะทำให้วัยรุ่นอยู่ในกรอบและรู้สึกดีต่อสังคม ซึ่งจากการวิจัยพบว่า จะเป็นการดีถ้าผู้ใหญ่หรือผู้ใกล้ชิดให้ความใส่ใจดูแลพวกเขาบ้าง จะทำให้พวกเขาเกิดความภูมิใจ และจะเป็นเกราะคุ้มกันการเกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้ รวมทั้งสังคมก็จะดีตามไปด้วย ทางด้านนาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ลิ้นเป็นอวัยวะที่มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงมาก มีเส้นประสาทและต่อมรับรส การแทงลิ้นหรือเจาะลิ้น อาจทำให้เลือดไหลไม่หยุด เสียเลือดมาจนถึงขั้นช็อค นอกจากนี้ ภายในช่องปากยังมีแบคทีเรียจำนวนมาก อาจทำให้เกิดการอักเสบ เป็นหนอง และเชื้ออาจเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้ช็อคได้เช่นกัน นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง กล่าวต่อว่า เข็มที่ใช้เจาะ หากเข้าสู่หลอดอาหาร เข็มอาจจะทิ่มแทงกระเพาะอาหารและลำไส้ หากหลุดลงไปที่หลอดลม อาจทิ่มแทงผนังหลอดลมและปอดได้ นอกจากนี้ ยังมีวัยรุ่นหลายรายที่ใช้ยาเสพติด การใช้เข็มที่ไม่สะอาด รวมถึงการใช้เข็มเจาะตามอวัยวะของร่างกายร่วมกัน อาจทำให้ติดเชื้อเอดส์ เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซึ่งสามารถติดทางเลือดได้ “อยากให้วัยรุ่น ตระหนักให้ดีว่าการนำวัสดุต่างๆ มาเจาะกับร่างกาย นอกจากไม่มีประโยชน์แล้ว ยังมีความเสี่ยงต่ออันตราย และความงามที่เชื่อกันอาจนำมาสู่โรคภัย ซึ่งนับว่าไม่คุ้มค่าที่จะต้องทำตามแฟชั่น” นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง กล่าว ******************************** 18 พฤศจิกายน 2551


   
   


View 16    18/11/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ