กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พร้อมเสริม 4 พฤติกรรมสุขภาพ สร้างเยาวชนไทยสุขภาพแข็งแรง หลังพบเด็กไทยมีภาวะอ้วน ติดรสหวาน ทานขนมถุง และมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง ด้วยการกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ลดหวาน มัน เค็ม มีกิจกรรมทางกาย และนอนหลับให้เพียงพอ

          นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า เนื่องในวันที่ 20 กันยายน ของทุกปี เป็นวันเยาวชนแห่งชาติ (National Youth Day) ซึ่งเด็กและเยาวชนไทยเป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศการที่จะพัฒนาประเทศให้มีความเจริญยั่งยืนจำเป็นต้องพัฒนาเด็กให้มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสุขภาพอนามัย ซึ่งจากรายงานข้อมูลภาวะโภชนาการของกระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 พบเด็กอายุ 6-14 ปีมีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน ร้อยละ 13.0 และเด็กอายุ 15-18 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน ร้อยละ 16.9 ซึ่งเกินกว่าค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่เกิน ร้อยละ 12.0 และจากข้อมูลในปี 2538 – 2557 พบว่า เด็กและเยาวชนไทยติด 1 ใน 3 ของอาเซียนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน และมีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า อีกทั้ง 1 ใน 2 ของเด็กอายุ 12 ปี ดื่มเครื่องดื่มรสหวานและน้ำอัดลมมากกว่า 2 ครั้งต่อวัน และ 1 ใน 3 ของเด็กและเยาวชนไทยกินขนมถุงเป็นประจำทุกวันมากกว่า 2 ครั้ง นอกจากนี้ สถานการณ์ในปี 2565 ยังพบว่า เด็กและเยาวชน อายุ 5 -17 ปี มีกิจกรรมทางกายเพียงพอลดลง เหลือเพียงร้อยละ 16.1 (เป้าหมาย ร้อยละ 40) รวมทั้งมีพฤติกรรมเนือยนิ่งเพิ่มสูงขึ้น 15.16 ชั่วโมงต่อวัน (เป้าหมายไม่เกิน 13 ชั่วโมงต่อวัน) ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก และอาจนำไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน
          นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า การส่งเสริมสุขภาพเด็กไทยให้เติบโตได้อย่างมีคุณภาพ ควรเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ โดยอาศัยครอบครัวในการสร้างวินัยเชิงบวกด้านสุขภาพ ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนเห็นความสำคัญของสุขภาพ ให้เด็กและเยาวชนเข้าถึง เข้าใจข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้อง และสามารถตัดสินใจดูแลสุขภาพตนเองให้ได้อย่างเหมาะสม นำไปสู่การมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย สติปัญญา และจิตใจ ที่สมบูรณ์แข็งแรง มีความพร้อมในการเรียนรู้และส่งผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา สามารถ อยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ กรมอนามัยจึงสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนไทยมีพฤติกรรมด้านสุขภาพที่ดี 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านอาหารให้ถูกหลักโภชนาการกินครบ 5 หมู่ อย่างหลากหลาย ในสัดส่วนปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งเด็กอายุ 6 – 14 ปี ควรได้รับพลังงานเฉลี่ย 1,600 กิโลแคลอรี ในแต่ละวันควรกินข้าวหรือแป้ง จำนวน 8 ทัพพี เนื้อสัตว์ จำนวน 6 ช้อนกินข้าว ผักจำนวน 12 ช้อนกินข้าว นม 2 แก้ว และให้มีผลไม้ 6 – 8 ชิ้นพอดีคำทุกมื้อ 2) ลดหวาน มัน เค็ม หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น รวมทั้งเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน อาหารแช่แข็งพร้อมทาน ควบคุมการซื้อขนมกรุบกรอบ เครื่องดื่มรสหวานจัด น้ำอัดลม ชานมไข่มุก และจัดเตรียมนมรสจืด และผลไม้ที่เด็กๆ ชอบไว้ในตู้เย็นแทน และให้ดื่มน้ำสะอาด 6 – 8 แก้วต่อวัน
          “3) ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน (อายุ6-17ปี) มีกิจกรรมทางกาย โดยส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายให้มากขึ้น มีกิจกรรมทางกายในระดับปานกลางถึงหนัก หรือจนรู้สึกเหนื่อยเฉลี่ยอย่างน้อยวันละ 60 นาที ทุกวัน (สะสมต่อเนื่อง10 นาทีขึ้นไป) เช่น เต้นแอโรบิก วิ่ง ปั่นจักรยาน กระโดดเชือก กระโดดตบ ซิทอัพ ดันพื้น แพลงค์ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ทำงานบ้าน งานสวน เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติมโตที่สมวัย มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และยังลดการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs)ในอนาคต นอกจากนี้ การออกกำลังกายจะช่วยพัฒนาระบบกล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ หัวใจ ปอด ให้แข็งแรง รวมไปถึงการสร้างภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคอ้วนในเด็ก และยังช่วยในเรื่องการเรียนรู้ ความจำ มีสมาธิดีขึ้น มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ จิตใจแจ่มใส ช่วยผ่อนคลายความเครียด และ 4) ส่งเสริมการนอนหลับให้เพียงพอในเด็กและเยาวชน อายุ 6-13 ปี ควรนอนหลับวันละ 9-11 ชั่วโมง และอายุ 14-17 ปี ควรนอนหลับวันละ 8-10 ชั่วโมง จะทำให้เด็กและเยาวชนมีสุขภาพร่างกาย ที่แข็งแรง สูง สมส่วน”อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด

***

กรมอนามัย / 20 กันยายน 2566



   
   


View 361    20/09/2566   ข่าวในรั้ว สธ.    สำนักสารนิเทศ