กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูลเด็กจมน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 3 วัน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบเสียชีวิต 95 ราย เฉลี่ยวันละ 3.2 ราย มากกว่าในช่วงวันปกติ เหตุการณ์ที่พบบ่อยคือกลุ่มเด็กจะชวนกันไปเล่นน้ำตามแหล่งน้ำต่างๆ ซึ่งเด็กไม่มีทักษะเอาชีวิตรอดเมื่อตกน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็น และไม่รู้วิธีช่วยเหลือคนจมน้ำที่ถูกต้อง ทำให้จมน้ำเสียชีวิต จึงขอให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำ สระว่ายน้ำ หรือสวนน้ำต่างๆ ต้องกำหนดให้มีพื้นที่เล่นน้ำที่ปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ lifeguard เสื้อชูชีพ และอุปกรณ์ช่วยคน ตกน้ำให้เพียงพอ     

          วันนี้ (11 เมษายน 2566) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในเดือนเมษายนซึ่งตรงกับช่วงที่อากาศร้อน เป็นช่วงปิดเทอมและเทศกาลสงกรานต์ พบว่าในทุกปีจะมีเด็กจมน้ำเสียชีวิตจำนวนมาก มีหลายครอบครัวที่พาเด็กๆ ไปพักผ่อนตามแหล่งน้ำที่จัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น น้ำตก ทะเล อ่างเก็บน้ำ สวนน้ำ หนองน้ำ เป็นต้น หรือเด็กๆ อาจชวนกันไปเล่นน้ำกันเองตามบริเวณแหล่งน้ำดังกล่าว ซึ่งเด็กอาจพลัดตก ลื่นลงน้ำ หรือเกิดการจมน้ำขณะเล่นน้ำ จนอาจทำให้เสียชีวิตได้        

          จากข้อมูลกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2565) ในเดือนเมษายนมีคนจมน้ำเสียชีวิต 3,174 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 758 ราย และเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ 3 วัน (13-15 เมษายน) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าในทุกกลุ่มอายุ จมน้ำเสียชีวิต 446 ราย เป็นเด็ก 95 ราย เฉลี่ยวันละ 3.2 ราย มากกว่าช่วงวันปกติ (วันปกติเฉลี่ยวันละ 2 ราย) โดยในวันที่ 14 เมษายน พบว่ามีการเกิดเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิตสูงที่สุด เฉลี่ย 4 ราย

          เหตุการณ์การจมน้ำที่มักพบบ่อยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ในกลุ่มผู้ใหญ่จะเกิดจากการกินเลี้ยงและดื่มสุรา หลังจากนั้นจะชวนกันออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ตามคลอง น้ำตก และลงว่ายน้ำ  ส่วนในกลุ่มเด็กจะชวนกันไปเล่นน้ำตามแหล่งน้ำต่างๆ เด็กไม่มีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ ไม่มีทักษะการเอาชีวิตรอดเมื่อตกลงไปในน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็นและไม่ใช้อุปกรณ์ในการช่วยพยุงตัวในน้ำขณะเล่นน้ำหรือทำกิจกรรมทางน้ำ รวมถึงไม่รู้วิธีการช่วยเหลือคนตกน้ำ จมน้ำที่ถูกต้อง ทำให้จมน้ำเสียชีวิต

          นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อแนะนำการปฏิบัติเพื่อให้ปลอดภัยในช่วงสงกรานต์ ดังนี้ 1.พ่อแม่ ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เด็กๆ ชวนกันไปเล่นน้ำกันเองตามบริเวณแหล่งน้ำต่างๆ  2.หากครอบครัวพาเด็กๆ ไปพักผ่อนตามแหล่งน้ำ ขอให้ดูแลเด็กอย่าให้คลาดสายตา ไม่ให้เด็กยืนใกล้บริเวณขอบบ่อ/สระ เพราะอาจพลัดตกหรือลื่นลงน้ำได้  3.หากลงเล่นน้ำ ให้นำขวดน้ำพลาสติกเปล่าขนาด 1.5 ลิตร หรือแกลลอนพลาสติกเปล่า ปิดฝา ใช้สะพายแล่งติดตัวไปด้วย หากหมดแรงให้นำมากอดแนบหน้าอกและลอยตัวไว้  4.ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือจมน้ำ จะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้  5.แหล่งน้ำที่จัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ต้องมีเจ้าหน้าที่ lifeguard คอยดูแล มีเสื้อชูชีพให้บริการ แบ่งเขตพื้นที่สำหรับเล่นน้ำหรือทำกิจกรรมทางน้ำ ต้องมีอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำติดตั้งเป็นระยะ มีเพียงพอ เข้าถึงได้ง่าย และติดป้ายแจ้งเตือน เช่น ห้ามลงเล่นน้ำ น้ำลึก น้ำวน เป็นต้น รวมทั้งป้ายบอกระดับความลึกของน้ำด้วย และ  6.ใช้หลัก “ตะโกน โยน ยื่น” เพื่อช่วยเหลือคนตกน้ำ ได้แก่ ตะโกนเรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วยและโทรแจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ 1669  โยนอุปกรณ์ใกล้ตัวเพื่อช่วยคนตกน้ำ เช่น เชือก ถังแกลลอนพลาสติกเปล่า หรือวัสดุที่ลอยน้ำได้โดยโยนครั้งละหลายๆ ชิ้น และยื่นอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัว เช่น กิ่งไม้ หรือเสื้อผ้า ให้คนตกน้ำจับและดึงขึ้นมาจากน้ำ หากพบคนจมน้ำหมดสติ ให้ช่วยด้วยการเป่าปากและนวดหัวใจ และนำส่งโรงพยาบาลทันที สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

 

           ******************************************************

ข้อมูลจาก : กองป้องกันการบาดเจ็บ/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค

วันที่ 11 เมษายน 2566



   
   


View 242    11/04/2566   ข่าวในรั้ว สธ.    สำนักสารนิเทศ