“เฉลิม” ปวารณาตัวเป็นสะพานเชื่อม สธ.-ครม.-รัฐสภา เน้นกำกับบริการ ไม่ล้มซีแอลยา

ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศตัวเป็นสะพานเชื่อม สธ. ครม. และรัฐสภา เน้นกำกับบริการ ทำให้ไม่ทำเอา ยืนยันไม่ล้มซีแอลยา เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน พร้อมเดินหน้า 12 นโยบายเชิงรุก และทุ่มเททำงานให้กระทรวงสาธารณสุขโดดเด่น บ่ายวันนี้ (29 กันยายน 2551) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ร้อยตำรวจเอก ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ภายหลังเดินทางเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ว่า ภูมิใจที่ได้มาทำงานกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งล้วนมีคนเก่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม และนั่งกลางใจของประชาชนอยู่แล้ว ตั้งใจว่าจะมาทำงานให้ ไม่ได้ทำงานเอา จะไม่เน้นการควบคุมดูแล แต่จะร่วมทำงานกำกับและบริการ เป็นสะพานเชื่อมในการนำภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข ไปสู่ครม.และรัฐสภา และแปลงนโยบายสู่รูปธรรม จัดงบประมาณมาให้กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “ผมจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทำงานให้ทุกคนหันมามองกระทรวงสาธารณสุขให้ได้ และยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะนโยบายการบังคับใช้สิทธิ์เหนือสิทธิบัตร หรือซีแอล จะคงไว้ และพร้อมที่จะรับฟังผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” ร.ต.อ.ดร.เฉลิม กล่าว ร.ต.อ.ดร.เฉลิม กล่าวถึงนโยบายพัฒนางานสาธารณสุข ว่า จะคงเดิมไว้ทั้ง 12 ข้อ ได้แก่ 1.พัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติ โดยจะเร่งรัดการก่อสร้างศูนย์โรคหัวใจ รพ.หัวหิน ให้เสร็จเร็วขึ้นก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2551 นี้ เพราะต้องการให้รพ.หัวหินเป็นศูนย์โรคหัวใจประจำภาคใต้ตอนบน 2.สร้างขวัญกำลังใจให้แก่บุคลากรสาธารณสุข ให้ทำงานอย่างมีความสุข 3.เตรียมความพร้อมด้านระบบการแพทย์ฉุกเฉิน รับมือภาวะวิกฤติต่างๆ เช่น อุทกภัย โรคระบาดสำคัญ เช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ 4.ให้มีการลงทุนขนาดใหญ่ (Mega Project) เพื่อพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ให้ได้มาตรฐานสากล 5.คุ้มครองความปลอดภัยด้านอาหาร ยา และบริการทางการแพทย์แก่ประชาชน 6.สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และเครือข่ายผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาจำเป็น 7.เน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ให้ประชาชนทราบและเข้าใจระบบริการทางการแพทย์ สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้รับบริการและผู้ให้บริการ 8.ส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพ ให้เป็นศูนย์กลางของอาเซียน นำร่องในรพ.ของรัฐที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ เกาะสมุย 9.พัฒนาการักษาพยาบาล ฟื้นฟู บำบัด ผู้ติดยาเสพติด 10.พัฒนางานสาธารณสุขชายแดนภาคใต้ 11.ส่งเสริมการศึกษาวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพ และส่งเสริมการมีสุขภาพดี ด้วย 3 ส. 4 อ. อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ อุบัติเหตุ ลดละเลิกสุรา สูบบุหรี่ ความเสี่ยงทางเพศ และ 12.พัฒนากำลังคนสาธารณสุขให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพของประเทศ ทั้งนี้ จะให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศึกษาแนวทางลดการฟ้องร้องแพทย์ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เสียกำลังใจ และช่วยเหลือดูแลผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งพัฒนาระบบการส่งต่อผู้ป่วยกรณีที่ผู้ป่วยใช้รถเดินทางเอง และจะเชิญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกระดับทั่วประเทศ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการดำเนินงานสาธารณสุข นอกจากนี้ จะเชิญแพทย์ของโรงพยาบาลป่าตอง 7 คนที่ยื่นใบลาออกมาหารือด้วย เพราะเรื่องขาดหมอเป็นเรื่องใหญ่ ********************************29 กันยายน 2551