รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานพร้อมทบทวนคณะอนุกรรมการให้เหมาะสม ยืนยันการถ่ายโอนภารกิจ สอน./รพ.สต. ไป อบจ. ไม่กระทบนโยบาย 3 หมอ อสม.ยังอยู่ในความดูแลของกระทรวง และมีการประสานการทำงานให้ประชาชนได้รับบริการสุขภาพปฐมภูมิอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ

          วันนี้ (19 ธันวาคม 2565) ที่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ครั้งที่ 3/2565 โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมทั้งออนไซต์และออนไลน์

          นายอนุทิน กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2566 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายมุ่งเน้นให้ “คนไทยสุขภาพดี เศรษฐกิจมั่งมี” เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย “ประชาชนแข็งแรง เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแรง” ซึ่งงานปฐมภูมิเป็นรากฐานและกลไกสำคัญที่จะทำให้เกิดความมั่นคงด้านสุขภาพ และต้องอาศัยความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาชน ที่จะนำไปสู่เป้าหมาย 1) คนไทยทุกคนทุกสิทธิสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพปฐมภูมิที่มีคุณภาพมาตรฐาน และเข้าถึงการสร้างเสริมสุขภาพด้วยแนวทาง “3 หมอ” 2) การพัฒนาระบบสารสนเทศสุขภาพ (Digital Health) ให้เชื่อมโยงข้อมูลบริการระหว่างหน่วยบริการ มีการทำงานร่วมกับภาคส่วนอื่นๆ 3) เกิดกลไกการเงินการคลังสุขภาพที่สนับสนุนการดำเนินการในระดับปฐมภูมิ มีการบูรณาการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับประชาชน มีความเท่าเทียมกัน  

          นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ที่ประชุมฯ ในวันนี้ ได้พูดคุยในประเด็นสำคัญ อาทิ มติบอร์ด สปสช. ให้แยกการจัดสรรงบประมาณส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคบางส่วนที่รอการพิจารณาทางข้อกฎหมาย ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดบริการประชาชน, การพิจารณาทบทวนองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจของคณะอนุกรรมการแต่ละคณะให้เหมาะสม ได้แก่ 1) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ 2) คณะอนุกรรมการพัฒนาการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิ 3) คณะอนุกรรมการคุณภาพและมาตรฐานของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ 4) คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบข้อมูลบริการสุขภาพปฐมภูมิ 5) คณะอนุกรรมการกฎหมาย 6) คณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองอุทธรณ์ตามมาตรา 29 แห่งพ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิฯ 7) คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ กรุงเทพมหานคร 8) คณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอการขอรับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ

          นอกจากนี้ ยังได้รับทราบแนวทางการประสานความร่วมมือการจัดบริการตาม พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิฯ ให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การกระจายอำนาจฯ โดยสำนักส่งเสริมสุขภาพปฐมภูมิ ได้มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอให้ สอน./รพ.สต. ที่ถ่ายโอนภารกิจไป อบจ. ดำเนินงานตามกฎหมายว่าด้วยระบบสุขภาพปฐมภูมิ และคู่มือคุณภาพมาตรฐานบริการสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2566 เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านภารกิจดังกล่าวสามารถขับเคลื่อนได้อย่างไร้รอยต่อ รวมถึงประชาชนได้รับบริการสุขภาพปฐมภูมิอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ

          ทั้งนี้ แม้จะมีการถ่ายโอนภารกิจ สอน./รพ.สต. ไปยัง อบจ. แต่ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานตามนโยบาย 3 หมอ โดย อสม.ทุกคนยังปฏิบัติหน้าที่และอยู่ในความดูแลของกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงจะเป็นพี่เลี้ยงในช่วงเปลี่ยนผ่านให้เกิดความราบรื่น ทั้งในส่วนของข้อมูล บุคลากร การให้บริการ ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด ส่วนการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนที่มีรายชื่ออยู่ในหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายฯ ได้รับการดูแลด้วยหลักเวชศาสตร์ครอบครัว โดยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวหรือแพทย์ที่ผ่านการอบรมอย่างครอบคลุม ในปี 2565 มีการขึ้นทะเบียนจัดตั้งหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิแล้ว 3,453 หน่วย อยู่ใน 12 เขตสุขภาพ 3,191 หน่วย และในกรุงเทพมหานคร 262 หน่วย สำหรับในปี 2566 มีเป้าหมายจัดตั้ง 3,500 หน่วย

*********************19 ธันวาคม 2565

******************

 



   
   


View 2438    19/12/2565   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ